เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

ผู้ป่วยชายใน Kentucky ได้ร้องเรียนถึงอวัยวะเพศชายของเขาที่ถูกตัดออกโดยปราศจากการยินยอมระหว่างการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ และได้ฟ้องแพทย์ที่ทำการผ่าตัด

Phillip Seaton อายุ 61 ปี และภรรยาของเขากำลังถามหาการชดเชยจาก Dr. John M. Patterson ศัลยแพทย์ที่รักษาโดยทำการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ และได้ตัดอวัยวะเพศออก ทำให้เขาสูญเสียการใช้ประโยชน์  ความต้องการทางเพศและอารมณ์
Attorney Kevin George ทนายของ Seaton บอกว่าบันทึกของแพทย์หลังการผ่าตัดแสดงให้เห็นว่าแพทย์คิดว่าเขาตรวจพบโรคมะเร็งและเอาอวัยวะเพศชายออก  ต่อมาแม้พบว่าเป็นโรคมะเร็งจริง แต่ทนายก็บอกว่า มันไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน ที่ต้องทำเช่นนั้น และ Phillip Seaton มีกำหนดการในการรักษาการอาการอักเสบ ซึ่งเขาควรได้รับการบอกกับแพทย์อีกครั้งก่อนจะทำการใด ๆ การฟ้องร้องคดีแรกในเดือนนี้ของสำนักทนายความแห่งนี้ เรียกร้องต่อศาลเกี่ยวกับที่ Dr. John M. Patterson เอาอวัยวะเพศชายของ Phillip Seaton ออกโดยปราศจากการปรึกษา Phillip และ Deborah Seaton ซึ่งเป็นภรรยา หรือให้โอกาสกับพวกเขาในการตัดสินใจ นอกจากนี้ คู่สามีภรรยายังฟ้อง  Dr. Oliver James จาก Shelbyville ซึ่งเป็นวิสัญญีแพทย์ ที่มีการทำให้มีอาการสลบ เนื่องจากเขาไม่ได้ยินยอมให้มีการสลบ การฟ้องร้องของ Phillip Seatons คล้ายกับการฟ้องร้องของผู้ชายใน Indianapolis ซึ่งได้รับการตัดสินให้ได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายมากกว่า $2,3000,000 หลังจากเขาเรียกร้องว่าอวัยวะเพศชายและลูกอัณฑะด้านซ้ายของถูกเอาออกโดยปราศจากการยินยอมระหว่างการผ่าตัดภาวะติดเชื้อ ในปี 1997

อีกรายงานหนึ่งที่มาจาก LOUISVILLE, Ky.  กล่าวว่า  ผู้ชายฟ้องแพทย์ภายหลังอวัยวะเพศชายถูกตัด ผู้ชายคนหนึ่ง และภรรยา กล่าวว่าแพทย์ 2 คนตัดอวัยวะเพศชายของเขาโดยปราศจากการยินยอม จึงได้มีการฟ้องร้อง
Philip Seaton อายุ  61 ปีได้รับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาเมื่อเขาตื่นพบว่าอวัยวะเพศถูกตัด เขาได้รับความเจ็บปวดทางจิตใจ มีอาการเจ็บปวด และความเพลิดเพลินในชีวิตหายไป
ตามคดีความของศาลจังหวัดใน Shelby County ฟ้อง Dr. John Patterson ซึ่งทำการดังกล่าว และ Dr. Oliver Jamesซึ่งทำให้เกิดการสลบ  การฟ้องร้อง Dr. John Patterson นั้นเกี่ยวกับการยินยอมเพื่อขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เท่านั้นแต่ ไม่ได้มีการยินยอมเพื่อตัดอวัยวะเพศชายของเขาออก Kevin George ทนายโจทย์ผู้รับมอบอำนาจกล่าวว่า Dr. John Patterson ตัดอวัยวะเพศของ Philip Seaton ออกหลังการค้นหาโรคมะเร็ง แต่เขายินยอมแค่เพียงตัดหนังหุ้มออกเท่านั้น และกล่าวว่า"บางครั้งคุณมีภาวะฉุกเฉินและคุณต้องทำเช่นนี้, แต่เขาสามารถตกลงและบอกทางเลือกให้กับผู้ป่วยหรือคนในครอบครัวรับทราบ เช่น คุณเป็นโรคมะเร็งและครอบครัวคงได้บอกว่าต้องการให้แพทย์ดำเนินการผ่าตัด  นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่กระทำ"  การฟ้องร้องยังมีการเรียกร้องเกี่ยวกับการที่โจทย์ไม่ยินยอมทำให้เกิดอาการสลบ ทนายโจทย์ พยายามเพื่อติดต่อแพทย์ แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ Philip Seaton  กำลังพยายามลงโทษผู้ที่ทำให้เขาเกิดความเสียหายทั้งแพทย์และการปฏิบัติทางการแพทย์ ขณะนี้เป็นไปได้ที่ทนายฝ่ายจำเลยจะมีการโต้ตอบการฟ้องร้องนี้
คดีความนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป

การวิจารณ์จาก กรณีศึกษา จากกรณีร้องเรียนของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาแม้ว่าแพทย์ตรวจวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็ง จำเป็นต้องทำการตัดออกเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วย แต่อย่างไรก็ตามเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่จะต้องได้รับรู้และยินยอมที่จะให้กระทำการใด ๆ กับร่างกายของเขา บางครั้งหากเขารับทราบข้อมูลว่า หลังการผ่าตัดแล้วจะทำให้เขาไม่มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่ เขาอาจจะยอมที่จะเป็นมะเร็งอย่างเดิมก็ได้
หากมองในแง่ของความหวังดีและมาตรฐานการรักษาของแพทย์ที่จะต้องรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุดและมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานก็เป็นเรื่องที่ควรกระทำ หลายคนอาจมองว่าแพทย์ทำถูกแล้วที่ต้องการจะรักษาชีวิตของผู้ป่วยไว้ หากเป็นการตัดสินใจในภาวะฉุกเฉินก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ในกรณีนี้ อาจต้องมองถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยหลังจากผ่าตัดด้วย ควรแจ้งให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่าชีวิตหลังผ่าตัดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และขอความยินยอมด้วยเนื่องจากการผ่าตัดจะมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ซึ่งแพทย์จะต้องระมัดระวังในประเด็นเหล่านี้ด้วย การฟ้องร้องที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการฟ้องร้องในกรณีนี้ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ผู้ป่วยเห็นตัวอย่างและมีแนวทางในการฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องของการสืบสวนสอบสวน ยังไม่มีการตัดสินว่า ผู้ใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด
จากกรณีศึกษานี้ เป็นอุทธาหรณ์ให้รู้ว่ามนุษย์รู้จักที่จะเรียกร้องสิทธิของตนเองมากขึ้น ในการประกอบอาชีพหรือปฏิบัติการใด ๆ ก็ตามจะต้องระมัดระวังเรื่องการละเมิดสิทธิ ในต่างประเทศช่องทางการร้องเรียนมีมาก และมีตัวอย่างของการร้องเรียนให้เห็น ความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ไม่ค่อยมีผลหากมีช่องทางให้ผู้บริโภคร้องเรียนได้ เขาก็จะร้องเรียนเพื่อรักษาสิทธิของตนเอง มักไม่ค่อยมองเห็นถึงความหวังดีและความตั้งใจของผู้ให้บริการ การฟ้องร้องจึงเกิดขึ้นมากในต่างประเทศ