รมช.สธ.ปิ๊งไอเดียนำยาสมุนไพร 6 รายการเข้าตู้ยาสามัญประจำบ้านไว้ใช้ใกล้ตัวยามจำเป็น พร้อมนำร่องในโรงพยาบาล 8 จังหวัดภาคกลาง เพิ่มยาจากสมุนไพรอีก 22 รายการเข้าในบัญชียาของโรงพยาบาลกว่า 60 แห่งใช้แทนยาแผนปัจจุบัน
วันที่ 31 มีนาคม ที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และพญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวเรื่องการนำร่องใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบันและการส่งเสริมยาสมุนไพรเป็นยาสามัญประจำบ้าน ว่า สธ.มีนโยบายส่งเสริมให้สถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศใช้ยาสมุนไพรบำบัดรักษาโรคควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน ให้มีมากกว่า 19 รายการที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติที่ใช้มากว่า 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2547 จนถึงขั้นการใช้ทดแทนเพื่อลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นยาที่เกิดจากสังเคราะห์ทางเคมี ส่วนยาสมุนไพรถือว่าเป็นยาต้นแบบที่มีในธรรมชาติ มีผล ข้างเคียงน้อยกว่า โดยจะเพิ่มยาสมุนไพรที่สถานพยาบาลผลิตและใช้ในโรงพยาบาล และยังไม่มีในบัญชียาหลักแห่งชาติ อีก 22 รายการ ซึ่งนำร่องในสถานพยาบาลของ 8 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวม 66 แห่ง
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ยาสมุนไพร 22 รายการ ได้แก่ เจลว่านหางจระเข้ มะขามแขก หญ้าหนวดแมว เพชรสังฆาต กระเทียมแคปซูล ธรณีสัณฑะฆาต ขี้เหล็ก บอระเพ็ด มะระขี้นก สหัสธารา เหงือกปลาหมอ ลูกยอ กระชายดำ ส้มแขก เทพธารา ยาห้าราก น้ำมันไพร ยาแก้ไอมะขามป้อม ยาผงคำฝอย ยาผงหญ้าดอกขาว ยาผงชะพลู เถาวัลย์เปรียง ซึ่งยาดังกล่าวผ่านการวิจัยทางคลินิกว่ามีสรรพคุณรักษาโรคได้ไม่น้อยหน้ายาแผนปัจจุบัน ราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัว และหาได้ง่ายในท้องถิ่นอยู่แล้ว และจะมีการติดตามผลทุก 6 เดือน หากได้ผลดีจะขยายผลใช้ทั่วประเทศต่อไป
นอกจากนี้ จะขยายผลการใช้ยาสมุนไพรรูปแบบทันสมัย ใช้ง่าย ให้เข้าถึงครัวเรือน โดยให้เป็นยาสามัญประจำบ้านใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น ที่แนะนำว่าควรมีไว้ในตู้ยาประจำบ้าน 6 ชนิด ซึ่งถือว่าเป็นการปลุกกระแสส่งเสริมให้ประชาชนมียาสมุนไพรไทยใช้ในบ้านครั้งแรกของไทย ได้แก่ 1.ยาแก้ไอมะแว้ง 2.ขมิ้นชัน แก้ท้องอืด แน่นท้อง 3.ฟ้าทะลายโจร แก้หวัด แก้เจ็บคอ 4.ครีมพญายอ แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ผื่น คัน งูสวัด 5.เจลว่านหางจระเข้ แก้พิษไฟไหม้ น้ำร้อนลวก 6.เจลไพล ทาบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ยาดังกล่าวสามารถหาซื้อได้ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง แต่ละชนิดจะมีวันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุและวิธีการใช้ยา การเก็บรักษาที่ถูกต้อง มั่นใจว่าคนไทยจะรู้จักและหันมาใช้สมุนไพรไทยกันมากขึ้น
ด้านพญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัจจุบันสมุนไพรมีการแปรรูปผลิตเป็นยาหลายรูปแบบ ทั้งเป็นยาเม็ด ยาลูกกลอน ยาแคปซูล ยาน้ำ ยาทา และชาชงต่างๆ เพื่อให้ใช้สะดวกขึ้น ยาจากสมุนไพรหลายชนิดมีสรรพคุณในการรักษาโรคได้ดี จนเป็นที่นิยมแม้ในกลุ่มประเทศทางยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยมะขามแขกแคปซูล ซึ่งเป็นยาระบาย จะใช้แทนยาบิสโคดิล (Bisacodyl) ยาสหัสธารา และเถาวัลย์เปรียงแคปซูล มีฤทธิ์บรรเทาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อซึ่งคนไทยป่วยกันมาก โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แรงงานในชนบท คนสูงอายุ และหนุ่มสาวที่ทำงานในออฟฟิศ สามารถใช้แทนยาโอเฟนาดริน (Ophenadrine+Paracetamol) และยาไดโคฟีแนค (Diclofenac) และได้ผลดีมาก ยาบอระเพ็ดแคปซูล มีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร ใช้แทนยาไซโปเฮพทาดีน (Cypoheptadine) เป็นต้น โดยในการใช้ยาสมุนไพร แพทย์แผนปัจจุบันจะเป็นผู้สั่งใช้ ประชาชนทุกสิทธิสามารถใช้ได้เหมือนกันทั้งหมด
Relate topics
- “ จุรินทร์ ” ปรามผู้ประกอบการ อย่าแจ้งหลักฐานเท็จขอซื้อสูโดอีเฟดรีน มีโทษทั้งจำและปรับ
- อย.บุกซีคอนสแควร์จับเครื่องสำอางผิด กม.กว่า 10 ล้านบาท
- อย.เอาจริงดำเนินคดีผู้ประกอบการอาหารพบตะกั่วอื้อ
- นายกฯค้านระบบ"เมดิเซฟ"ชี้ไม่เหมาะขรก.ใหม่ ครม.ไฟเขียวตั้ง กก.คุมค่ารักษา ขรก. ลดงบฯเบิกจ่ายลง
- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา จัดประชุม คป.สอ.สัญจร ครั้งที่ 7