รม.ไฟเขียวตั้ง กก.คุมค่ารักษา ขรก. ตั้งเป้าลดงบฯเบิกจ่ายลง ดีเดย์ปีนี้ต้องไม่เกินปีก่อนหน้าที่ใช้ไป 61,304 ล้าน "มาร์ค" ค้านระบบเมดิเซฟ ชี้ไม่เหมาะเอามาใช้กับ ขรก.ใหม่ เพราะเงินเดือนน้อย
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายยาของสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีการตรวจสอบและควบคุมการเบิกจ่ายค่ายาบางกลุ่มหรือบางรายการ ให้เป็นไปตามบัญชียาหลักแห่งชาติ หรือตามเงื่อนไขและข้อบ่งชี้องค์กรวิชาชีพกำหนด รวมทั้งให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาล เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อมูลและความคิดเห็น จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบและสอดคล้องกับฐานอำนาจตามกฎหมาย
นพ.ภูมินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมอบหมายให้กรมบัญชีกลางร่วมกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้ระบบการออมเพื่อสุขภาพหรือระบบเมดิเซฟ (Medisave) สำหรับข้าราชการบรรจุใหม่และแนวทางการอภิบาลระบบเพื่อปฏิรูปองค์กรบริหารจัดการระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดย ครม.อนุมัติวงเงินให้ 11 ล้านบาท เพื่อศึกษารายละเอียดการจัดทำระบบเมดิเซฟและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เกี่ยวกับระบบสวัสดิการรักษาพยาบาล เพราะในการดำเนินการจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข เบื้องต้นกระทรวงการคลังเสนอให้ใช้กับข้าราชการบรรจุใหม่โดยหักจากเงินเดือนผ่านระบบการจ้างงาน ซึ่งรัฐบาลบังคับให้ประชากรมีการออมเพื่อเป็นหลักประกันสุขภาพ โดยเงินและภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นของผู้ออม
"ส่วนการจะนำมาใช้กับข้าราชการบำนาญหรือข้าราชการปัจจุบันมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากการจัดการสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมทำได้ยาก และที่ผ่านมาไม่ได้มีการออมไว้ ขณะเดียวกันข้าราชการเหล่านี้ทำงานมานานและได้รับผลประโยชน์ทางอ้อม โดยการยอมรับเงินเดือนและค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าภาคเอกชน ดังนั้น หากสิทธิประโยชน์ถูกลดไปหรือบังคับให้มีการหักเงินเดือนเพื่อเป็นเงินออมด้านสุขภาพจะไม่เป็นธรรมและเป็นการลิดรอนสิทธิ" นพ.ภูมินทร์กล่าว
นพ.ภูมินทร์กล่าวว่า หากมีการนำระบบเมดิเซฟมาใช้กับข้าราชการบรรจุใหม่ต้องพิจารณาและศึกษาเพิ่มเติม เช่น สิทธิประโยชน์ โครงสร้างอายุของผู้ใช้สิทธิ โครงสร้างองค์กรที่กำกับดูแล และแนวทางการอภิบาลระบบเพื่อปฏิรูปองค์กรบริหารจัดการระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
"อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามรายละเอียดถึงการนำระบบเมดิเซฟมาใช้ โดยเห็นว่าการนำมาใช้กับข้าราชการบรรจุใหม่อาจไม่เหมาะสมเพราะเงินเดือนยังน้อย จึงให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ" นพ.ภูมินทร์กล่าว และว่า ที่ประชุมยังมอบหมายให้กรมบัญชีกลางร่วมกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษาการกำหนดอัตราการจ่ายล่วงหน้ารายกลุ่มโรคสำหรับการรักษาประเภทผู้ป่วยนอก โดยกรมบัญชีกลางตกลงราคาเหมาจ่ายรายโรคให้กับสถานพยาบาลด้วย
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบีญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ครม.ได้อนุมัติให้มีการตั้งคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการข้าราชการแล้ว มีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ แพทยสภา เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายว่าเมื่อมีคณะกรรมการเข้ามาให้คำแนะนำแล้วจะทำให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการในปีงบประมาณ 2553 มีจำนวนเท่ากับปี 2552 คือ 61,304 ล้านบาท และลดลงเรื่อยๆ หลังจาก ครม.แต่งตั้งคณะกรรมการแล้วจะเร่งให้มีการประชุมโดยเร็วและถี่ขึ้นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อกำกับดูแลการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างเข้มงวดต่อไป
ที่มา มติชนออนไลน์ :วันที่ 29 มีนาคม 2553
Relate topics
- “ จุรินทร์ ” ปรามผู้ประกอบการ อย่าแจ้งหลักฐานเท็จขอซื้อสูโดอีเฟดรีน มีโทษทั้งจำและปรับ
- ไอเดียกระฉูด หนุนเพิ่มสมุนไพร 6 รายการเข้าตู้ยาประจำบ้าน
- อย.บุกซีคอนสแควร์จับเครื่องสำอางผิด กม.กว่า 10 ล้านบาท
- อย.เอาจริงดำเนินคดีผู้ประกอบการอาหารพบตะกั่วอื้อ
- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา จัดประชุม คป.สอ.สัญจร ครั้งที่ 7