ผศ.ดร.พรรัตน์ สินชัยพานิช นักวิจัยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมถึงการสำรวจอาหารปนเปื้อนที่เกินมาตรฐานความปลอดภัยในเขต 8 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2552-เมษายน2553 สนับสนุนโดยแผนงานสร้างเสริมการเรียนรู้กับสถาบันอุดมศึกษาไทยเพื่อการพัฒนานโยบายสาธารณะที่ดี(นสธ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าในกลุ่มตัวอย่างอาหารทั่วไป เช่น นมโรงเรียนชนิดพาสเจอร์ไรซ์มีปริมาณแบคทีเรียรวมเกินมาตรฐานร้อยละ 25 นมชนิดยูเอ็ชทีเกินร้อยละ 5 ใส้กรอก ทั้งหมู ไก่และกุนเชียงมีสารกันบูดกว่าร้อยละ 36 ในลูกชิ้นหมู ไก่และปลาพบการใช้สารกันบูดถึงร้อยละ 100 และการใช้ดินประสิวในระดับไม่ปลอดภัย ร้อยละ 26
ผศ.ดร.พรรัตน์ กล่าวว่า ประเภทผักผลไม้ร้อยละ 58 พบการปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง โดยในสาลี่ ลูกพลับสด ส้ม องุ่นและถั่วฝักยาว พบมากถึงร้อยละ 78 แอปเปิล บร็คคเคอรี่ ดอกกะหล่ำ กะกล่ำปลีและแตงโมเกินมาตรฐานร้อยละ 25-50 เห็ดหูหนูขาว พบสารเคมีกำจัดแมลงเกินมาตรฐานร้อยละ 9 และสารฟอกขาวร้อยละ 56 สาหร่ายแกงจืด ร้อยละ 36 ขณะที่กุ้งแห้งและปลาหมึกแห้งพบการปนเปื้อนเคมีกำจัดศัตรูพืชร้อยละ 64 และร้อยละ 62 ตามลำดับ ที่น่าตกใจพริกขี้หนูป่นพบร้อยละ 100
“อาหารที่ประชาชนนิยมบริโภค เช่น ก๋วยเตี๋ยวก็พบสารกันบูดเช่นกัน โดยเส้นใหญ่ พบร้อยละ 88 เส้นเล็ก ร้อยละ 75 เส้นหมี่ขาวและบะหมี่ ร้อยละ40 และ 50 ตามลำดับ อาหารกินเล่นอย่างสาหร่ายอบกรอบปรุงรส พบราพิษอะฟลาท็อกซินร้อยละ 8 ดับ” ผศ.ดร.พรรัตน์ กล่าว
ด้านรศ.ดร. นวลศรี รักอริยะธรรม ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่น่าจับตาคืออาหารนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการสุ่มตรวจ พบว่า อาหารทะเลสดนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านพบการปนเปื้อนฟอร์มาลีนร้อยละ 67 และโลหะหนักสารหนูร้อยละ 4 ขณะที่ผักและผลไม้ ปนเปื้อนสารเคมีกำจัดแมลง ร้อยละ 36 สารฟอกขาวในผักแห้งร้อยละ 47 สารตะกั่วในสาหร่ายและเยื่อไผ่ ร้อยละ 8 พบปรอท ในก้านเห็ดหอม หน่อไม้แห้ง เห็ดหอมและเยื่อไผ่ ร้อยละ 17 ร้อยละ 12 ในขนมพร้อมบริโภค ลูกอมและเยลลี่ พบสีสังเคราะห์เกินมาตรฐานร้อยละ 20
รศ.ดร. นวลศรี กล่าวว่า ผลกระทบของสารปนเปื้อนในอาหารเหล่านี้ หากสะสมในร่างกาย เช่น สารฟอกขาว จะทำให้หายใจติดขัด ความดันโลหิตต่ำ สารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงจะทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดความต้านทานโรค หากได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมากจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ หายใจติดขัด ช็อกและเสียชีวิต ส่วนสารกันบูดที่อยู่ในเนื้อหมู ลูกชิ้น ไส้กรอก จะเป็นพิษต่อต่อมไตและสมอง ทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง สารเหล่านี้ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจอาเจียน มีไข้ และเสียชีวิตได้ ส่วนสารอะฟลาทอกซิน จะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งในตับสูง
“อาหารที่ผลิตทั้งในประเทศและนำเข้า ล้วนมีอันตรายทั้งสิ้น ที่น่ากังวลคือเราไม่รู้ว่าอาหารที่เรากินในแต่ละวันนั้นมาจากไหน มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ซึ่งผู้บริโภคเป็นผู้แบกรับโดยตรง เหมือนเป็นการตายผ่อนส่ง”รศ.ดร. นวลศรี กล่าว
รศ.ดร. นวลศรี กล่าวว่า กลไกควบคุมอาหารปลอดภัยของของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ยังคงมีข้อจำกัด แม้จะมีการการเฝ้าระวัง แต่ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งชุดทดสอบ (test kits) เป็นหลัก ทำให้ได้ผลเพียงคร่าว ๆ และไม่สามารถตรวจสอบได้ครอบคลุมสารปนเปื้อนสำคัญ ๆ ได้หมด ข้อจำกัดอีกด้านคือความทั่วถึงของการตรวจและเฝ้าระวัง และข้อกฎหมายด้านความปลอดภัยที่ขาดความชัดเจนในมาตรฐานบางตัวและบทลงโทษที่ไม่รุนแรง การเฝ้าระวังจึงควรเพิ่มบทบาทผู้บริโภคที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศร่วมกับภาควิชาการ และให้บทบาทของ อปท. ในเรื่องนี้มากขึ้น ในอนาคต อปท. ต้องจัดสรรงบประมาณดำเนินการเป็นหลัก
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)