สธ.เตือนผู้ปกครองระวังเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอมนี้ เผยผลวิเคราะห์ทางสถิติ พบในเดือน ต.ค.มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงสุดเฉลี่ย 141 คนติดต่อกัน 10 ปี สั่งจับตาเข้มปีนี้ หวั่นสูญเสียลูกหลานอายุต่ำกว่า 15 ปี 145 คน แพทย์ย้ำช่วยเด็กจมน้ำอย่าอุ้มพาดบ่าอาจทำเด็กเสียชีวิตเร็วขึ้น แนะนอนราบ ช่วยผายปอด ก่อนส่งถึงมือหมอโดยเร็ว
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปลายเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ จะเป็นช่วงที่โรงเรียนส่วนใหญ่ปิดภาคเรียน ซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝน และหลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เด็กๆ อาจลงไปเล่นน้ำ และอาจเสียชีวิตจากการจมน้ำได้ จากข้อมูลที่ผ่านมาจะพบเด็กไทยจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 4 คน และเสียชีวิตสูงที่สุดในช่วงปิดเทอม คือเดือนมี.ค.-เม.ย. และต.ค. เฉลี่ย 141 คนต่อเดือน โดยในเดือน ต.ค.2552 พบว่ามีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 27 ดังนั้น ในปีนี้หากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัว และชุมชน ไม่มีการดำเนินการป้องกันและแก้ไข คาดการณ์ว่าในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ อาจจะสูญเสียเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จากการจมน้ำประมาณ 145 คน
“อยากฝากถึงเด็กๆ ให้จำแนวทางการป้องกันการจมน้ำหลักๆ และปฏิบัติดังนี้ คือ 1.ควรยืนให้ห่างจากขอบบ่อหรือจุดที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากอาจลื่นไถลตกลงไปได้ 2.อย่าเล่นน้ำคนเดียว ควรไปกับผู้ใหญ่เท่านั้น 3.หากพบเห็นคนตกน้ำ อย่ากระโดดลงไปช่วย แต่ขอให้ตะโกนเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วย หรือโยนวัสดุที่ลอยน้ำได้ เช่น ขวดพลาสติกเปล่าปิดฝา แกลลอนเปล่า หลายๆ ชิ้นลงไปให้ เพื่อให้คนที่กำลังจะจมน้ำยึดเกาะ พยุงตัว หรือยื่นวัสดุที่หาง่ายและใกล้ตัวให้ เช่น ไม้ เข็มขัด ผ้าขาวม้า เพื่อให้คนที่ตกน้ำจับแล้วลากขึ้นมา” รมช.สธ.กล่าว
ดร.พรรณสิริกล่าวอีกว่า สำหรับผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก และชุมชน ขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยของเด็ก อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ใกล้แหล่งน้ำตามลำพัง หากพบเห็นขอให้ตักเตือน และควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญให้จัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก เช่น แยกพื้นที่เล่นที่ปลอดภัย รวมทั้งให้ปิดฝาภาชนะใส่น้ำ เช่น ถังน้ำ ฝังกลบหลุมบ่อที่ไม่ได้ใช้ หรือติดป้ายเตือน และสอนให้เด็กรู้จักแหล่งน้ำเสี่ยงที่อยู่ใกล้บ้าน ครอบครัวใดที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จะต้องเพิ่มความระมัดระวังภาชนะกักเก็บน้ำในบ้านด้วย เช่น ถังน้ำ อ่างน้ำ กะละมัง ซึ่งเด็กวัยนี้มักชอบลงไปเล่นน้ำ เด็กสามารถจมน้ำได้แม้จะมีระดับเพียง 1-2 นิ้ว เนื่องจากเด็กวัยน้ำยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้อำนวยการสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในกรณีที่พบเด็กจมน้ำ ในการช่วยเหลืออย่าจับเด็กอุ้มพาดบ่าแล้วกระโดด หรือวิ่งไปมา เพื่อให้น้ำออก เนื่องจากน้ำที่ออกมาจะเป็นน้ำจากกระเพาะไม่ใช่จากปอดเด็ก ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะจะทำให้เด็กขาดอากาศหายใจนานยิ่งขึ้นและเสียชีวิต ซึ่งการเสียชีวิตจะเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น ในน้ำจืดประมาณ 3-4 นาที ส่วนน้ำเค็มประมาณ 7-8 นาที เท่านั้น วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง อันดับแรกคือการตะโกนขอความช่วยเหลือ และวางเด็กที่จมน้ำนอนราบ ตะแคงหน้าเอาน้ำออกจากปาก และช่วยให้เด็กหายใจได้เร็วที่สุดโดยวิธีการผายปอด ด้วยการเป่าลมเข้าทางปากติดต่อกันหลายๆ ครั้งตามจังหวะการหายใจ และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน หรือโทรแจ้ง 1669 โดยเร็วที่สุด
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)