สธ. เผยทั่วโลกฮิตผลิตภัณฑ์และบริการประเภทต้านริ้วรอย ชี้มีมูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนไทยควักเงินซื้อ กว่า 5 หมื่น 6 พัน ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายด้านฟิตเนสและสปากว่า 1 หมื่น 2 พัน ล้านบาท ศัลยกรรมและทำทรีทเมนต์อีกร่วมหมื่นล้าน พบวัย 46-64 ปีกำลังในการซื้อสูงสุด
วันนี้(2 ก.ย . ) ที่โรงแรมพลาซ่า แอททินี กรุงเทพ. ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ. ) เปิดประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพระดับนานาชาติ ครั้งที่ 2 จัดระหว่างวันที่ 2-4 กันยายน 2553 โดยบริษัท เอ โฟร์ เอ็ม (A4M )ประเทศไทย จำกัด เพื่อนำเสนอเนื้อหาและเจาะลึกวงการเวชศาสตร์ชะลอวัย (ANTI-AGING) การรักษาสุขภาพที่ดีและการคงความหนุ่มความสาวไว้ พร้อมแสดงผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี และให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการชะลอวัยและบริการทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดโรค การบริการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับวงการสุขภาพ โดยมีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์จาก 40 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย มาเลเซียฯลฯ เข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน
ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทั่วโลกให้ความสนใจการดูแลสุภาพ โดยเฉพาะแสวงหาการชะลอวัยเพื่อ ให้มีสุขภาพดี และต้องการที่จะมีอายุยืนยาวมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลในปี 2553นี้ พบว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการชะลอวัย ซึ่งประกอบด้วย ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน เครื่องสำอาง ที่ใช้บำรุงและรักษาอาการที่เกี่ยวข้องในตลาดโลกมีอัตราการเติบโตสูงเฉลี่ยร้อยละ 18-20 ต่อปี คาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่ามากถึง 291,000 ล้านเหรียญ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายตลาดประเภทนี้ จะเริ่มตั้งแต่กลุ่มวัยทำงานอายุ 30-50 ปี และกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 46- 64 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาหาความรู้ในการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และมีกำลังซื้อสูงด้วย
ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อไปว่า สำหรับไทย ในปี 2553 นี้ คนไทยมีค่าใช้จ่ายซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพประเภทดังกล่าวรวมกว่า 56,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายบริการออdกำลังกายและสปามูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท การรักษาสุขภาพที่ดีและศัลยกรรมและทำทรีทเมนต์เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีมีมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ทุกตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 18-20 ต่อปี มีทั้งกลุ่มคนปกติเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูรักษา
ทั้งนี้ ในปี 2553 สธ.มีนโยบายด้านธุรกิจการส่งเสริมสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย และสมุนไพรต่างๆ มาใช้ดูแลสุขภาพ เช่น สปา เป็นต้น ซึ่งสมุนไพรไทยขณะนี้มีหลายชนิดที่สามารถนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้ในการบำรุงสุขภาพได้ เช่น ขมิ้นชัน กระเทียม กระชายดำ จะเร่งให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ศึกษาวิจัยสมุนไพร ซึ่งมีจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมให้ใช้และผลิตเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศด้วย ล่าสุดกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ให้ทุนศึกษาวิจัยสมุนไพร 2 ชนิดร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือ สารสกัดเปลือกมังคุด เพื่อใช้บำรุงสมองในผู้ป่วยสมองเสื่อมจากอัลไซเมอร์ และปัญจขันธ์ ใช้ลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งจากการวิจัยในขั้นตอนหลอดทดลอง พบว่าได้ผล ขั้นตอนต่อไปจะศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง และในคน หากประสบผลสำเร็จและสามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ไทยจะสามารถแข่งขันและเจาะตลาดโลกได้
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)