เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

อัด “หมอวิชัย” กรณีนำเสนอข้อมูล “ความเท็จและความจริงเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ” ไร้หลักฐาน-พยานยืนยันเรื่องจริง ทำสังคมเข้าใจผิด ปัดเปล่ากังวลคน หนุน พ.ร.บ.เพิ่ม จี้ให้ออกมารับผิดอย่างลูกผู้ชาย ด้าน “หมอวิชัย” โต้มีหลักฐานชัดเจน
      วันนี้ (10 ส.ค.) นพ.อำนาจ กุสลานันท์ อุปนายกแพทยสภา กล่าวแถลงข่าวว่า จากกรณีที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ได้ยกคดีความที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช กรณีที่มีแพทย์หญิงรายหนึ่งได้ทำการผ่าตัดไส้ติ่งแก่ผู้ป่วย และเกิดความผิดพลาดกระทั่งส่งผลให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต และมีการต่อสู้คดีกันในชั้นศาล ซึ่งขณะนี้คดีสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ยังหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์ในหัวข้อ “ความเท็จและความจริงเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ (2)” เพื่อประกอบการสนับสนุนให้เกิดร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจาการเข้ารับบริการสาธารณสุข พ.ศ.... นั้น จากคำกล่าวในหลายๆส่วนนั้น ตนคิดว่า เป็นการกล่าวเท็จที่ปราศจากหลักฐาน พยานอ้างอิง โดยเนื้อหามีการกล่าวที่ส่อว่าละเมิดอำนาจศาล และเป็นการกล่าวพาดพิงหน่วยงานต่างๆและบุคคลหลายคนให้เกิดความเสียหาย อาทิ 1.คำกล่าวที่ ว่า
      “มีพยานมีหลักฐานข้อเท็จจริงชัดเจนว่า แพทย์บกพร่องผิดพลาดในการฉีดยาเข้าช่องสันหลังคนไข้ เพื่อผ่าตัดไส้ติ่งแล้วเกิดอาการแทรกซ้อน ยาชามีผลทำให้ไขสันหลังส่วนต้นไม่ทำงาน (High Block) ทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจบริเวณทรวงอกไม่ทำงานเกิดการหยุดหายใจ” ซึ่งคดีนี้เป็นเหมือนการกล่าวลอยๆ เนื่องจากในความเป็นจริงนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาแล้วว่า ผู้ตายตอบสอนงต่อยาชาที่ไวและมากกว่าปกติเป็นเหตุให้ผู้ป่วยหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นเป็นสาเหตุให้ถึงแก่ความตาย แพทย์หญิงที่เป็นจำเลยไม่ได้กระทำโดยความประมาทจึงพิพากษายกฟ้อง และคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้น การกล่าวในประเด็นนี้ จึงน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล 2.คำกล่าวที่ว่า “มีหลักฐานานว่าคดีนี้กรรมการแพทยสภาบางคนได้ไปยุให้แพทย์สู้คดีและให้การปฏิเสธ จึงเป็นลให้ศาลชั้นต้นต้องตัดสินลงโทษจำคุกโดยไม่มีการรอลงอาญา” ซึ่งข้อนี้แพทย์หญิงที่เป็นจำเลยยืนยันมาโดยตลอดว่า
      ตัดสินใจออกมาต่อศู้คดีเอง เพราะไม่ได้กระทำผิด ดังนั้น ถ้าหากมีหลักฐานที่แน่นอนก็อยาให้นำมาแสดงด้วย 2 ฯลฯ ดังนั้น หากมีฟหลักฐานหรือพยานก็ให้นำมาแสดงด้วย
      นพ.อำนาจ กล่าวอีกว่า อยากฝากบอก นพ.วิชัย ในฐานะที่ตนเป็นนักเรียนแพทย์รุ่นพี่ ร่วมสถาบันเดียวกันว่า ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อคำกล่าวของตนอย่างลูกผู้ชาย เนื่องจากคำกล่าวของท่านทำให้หลายหน่วยงานและบุคคลหลายคนไเด้รับความเสียหาย สังคมเหกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแพทย์ที่ตกเป็นจำเลยนั้นอาจได้รับผลกระทบด้านจิตใจ ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่อบที่ไม่เหมาะสม
      “ในฐานะรุ่นพี่ ไม่ขอกล่าวอะไรมาก แค่อยากบอกว่าหากคำกล่าวของท่านเป็นจริงก็ขอให้หาพยานและหลักฐานมายืนยัน มิใช่กล่าวลอยๆ และอยากให้พิจารณาด้วยตัวเองว่าหากคำกล่าวที่แสดงออกไปเป็นเท็จก็ควรที่จะออกมารับผิดอย่างลูกผู้ชาย” นพ.อำนาจ กล่าว
      ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาแถลงข่าวในวันนี้ เพราแพทยสภาเกรงว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว มีส่วนในการกระตุ้นให้สังคมสนับสนุน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ มากขึ้นหรือไม่ นพ.อำนาจ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน เจตนารมณ์ในวันนี้แค่อยากเตือนให้รุ่นน้อง ในฐานะที่เป็นหมอด้วยกันมีความรอบคอบในการกล่าวอ้างของข้อมูลบางอย่างแก่สังคมรวมทั้ง ควรที่จะคำนึงถึงความเหมาะสมของการวิพากษ์วิจารณ์ด้วย เนื่องจากประเด็นที่นำมาพูดนั้นอาจกระทบต่อจิตใจของแพทย์ที่ตกเป็นจำเลยได้
      ด้าน นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการองค์การเสัชกรรม กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์กรณีดังกล่าวนั้น ตนมีหลักฐานที่เป็นเอกสารสำนวนคดีที่ชัดเจน เนื่องจากคดีดังกล่าวก็ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ถึงไม่นำมาวิพากษ์วิจารณ์คนทั่วไปก็รับรู้อยู่แล้ว แต่การที่นำมาพูดถึงก็เพื่อจะชี้แจงให้สังคมเห็นความลำบากของผู้ป่วยที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาล และพยายามชี้แจงให้เห็นว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้จริง