ไม่นานนี้มีเพื่อนคุณแม่เพิ่งตั้งครรภ์ เล่าว่า เข้าไปในอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นข้อมูลเรื่องลูกในครรภ์ หาข้อมูลประเภทบทความ เพลง รูปภาพเด็กน่ารักๆ เพื่อจะดูเพลิดเพลินสบายใจ แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ใส่คำในช่อง “ค้นหา” ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กในเว็บท่า (เว็บสำหรับค้นหาข้อมูล) ในหลายคำกลับมีภาพเว็บโป๊มากมายผุดขึ้นมาให้เห็น
“ตกใจมากเลย เพราะไม่คิดว่า คำที่เราใส่เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก จะมีภาพและเว็บโป๊ขึ้นมามากมาย ลองคิดดูว่าถ้าเป็นเด็กลองใส่ข้อมูลเพื่อค้นหาคำเหล่านี้ จะเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นคำที่เป็นคำทั่วไป ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงคำๆ เดียว เว็บที่ไม่เหมาะสมโผล่มาเพียบ”
ความจริงดิฉันก็เคยประสบกับตัวเองมาเหมือนกัน และเชื่อว่า เพื่อนผู้อ่านที่ใช้อินเทอร์เน็ตก็คงเคยได้เจอกันมาบ้างแล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางคนลองใส่คำเพื่อค้นหาข้อมูลก็พบเว็บโป๊ บางคนถูกส่งเข้ามาถึงใน Email ก็มีมากมาย
ประเด็นที่น่าห่วง ก็คือ เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเด็กวัยก่อนเข้าสู่วัยรุ่นจนถึงวัยรุ่น ยิ่งถ้าเขาหรือเธอต้องใช้อินเทอร์เน็ตตามลำพัง หรือแม้อยู่กับเพื่อนร่วมก๊วน ก็มีโอกาสที่จะคึกคะนอง และเข้าไปเยี่ยมชมเวปโป๊ ลูกชายวัยประถมปลายของดิฉันเองก็เคยเล่าให้ฟังว่าเคยเข้าไปดูเว็บโป๊กับเพื่อนเช่นกัน เริ่มจากเพื่อนได้รับเวปหนึ่งมา แล้วเปิดเข้าไปก็พบ จากนั้นก็จดเอาไว้แล้วมาเปิดให้เพื่อนคนอื่นๆ ดูต่อๆ กัน ปรากฏว่า เพื่อนคนอื่นๆ ก็จดชื่อเว็บไซต์และบอกต่อๆ กันไปเรื่อยๆ เด็กบางคนที่ไม่สนใจก็มี เด็กบางคนเล่าให้พ่อแม่ฟังแล้วได้มีการพูดคุยกันต่อก็มี แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่ได้บอกใคร แล้วเอาแต่หมกมุ่นอยู่ในเว็บไซต์นั้น พร้อมกับอยากรู้อยากเห็นและอยากลอง…!!
ดิฉันเองก็ยังจำได้ดีว่าเมื่อครั้งที่เจ้าลูกชายคนเล็กวัยเพียง 5 ขวบ เคยถามคำถามที่ทำให้สะอึกว่า “ทำไมป้ายตามถนนถึงมีรูปผู้หญิงโป๊เต็มไปหมด” ซึ่งคำว่า “โป๊” ในความหมายของเขาก็คือผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อย หรือใส่สายเดี่ยวนุ่งสั้น และมีท่าทางประมาณสื่อไปทางเซ็กซี่
จำได้ว่าครั้งนั้น สะดุดกับคำพูดของลูก และลองสังเกตดูก็เป็นจริงอย่างที่เขาถาม เพราะมีภาพในท่วงทำนองนั้นเกลื่อนเมือง เอ๊ะ แล้วเราไม่เคยสังเกตเลย หรืออาจเป็นเพราะเราพบเห็นบ่อยจนกลายเป็นความเคยชินไปซะ
เดี๋ยวนี้การจะหาดูภาพโป๊ไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไรอีกต่อไป ไม่มีเด็กคนใดที่ไม่เคยเห็นภาพโป๊หรือลามกอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อรูปแบบไหน ทั้งซีดี ดีวีดี ทีวี หนังสือการ์ตูน หนังสือพิมพ์ หนังสือที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมี ก็มีให้เห็นในรูปแบบที่ต้องผงะ เนื่องเพราะผู้ประกอบการก็จะพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ภาพของสินค้ามากมายที่ใช้พริตตี้ ใช้พรีเซนเตอร์ผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย ใช้ไคโยตี้ ก็กลายเป็นรูปแบบที่ทำให้เด็กและเยาวชนตกเข้าไปติดกับดักของความยั่วยวนใจได้ไม่ยาก และที่หนักสุดในยุคนี้ เห็นจะหนีไม่พ้นสื่ออินเทอร์เน็ต ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าพ่อแม่ หรือผู้ปกครองในบ้านไม่รู้เท่าทันแล้วล่ะก็ ยิ่งกลายเป็นปัญหาหนักหน่วงเข้าไปอีก
ข้อมูลจากเว็บไซต์ป้องกันความรุนแรงทางเพศ หรือป้องกันการติดสื่อลามกต่างๆ พบว่า เด็กอายุระหว่าง 10-17 ปี เป็นกลุ่มที่ได้รับสื่อเว็บโป๊ผ่านทางอินเทอร์เน็ตจำนวนถึง 1 ใน 5 คน โดยจำนวน 1 ใน 4 คน ที่ใช้อินเทอร์เน็ต เข้าไปข้องแวะกับเว็บโป๊ทั้งที่โดยเจตนาและไม่เจตนา ส่วนอีเมลที่ส่งติดต่อหากันในกลุ่มเพื่อนมากกว่า 2 หมื่นล้านฉบับ เป็นเว็บโป๊ และวัยรุ่น 21% ยอมรับว่าเข้าไปดูเว็บโป๊โดยพ่อแม่ไม่รู้
ฉะนั้น การรู้ให้เท่าทันลูกเรื่องการรับสื่อเว็บไซต์จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง พ่อแม่ต้องมีวิธีจัดการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เด็กห่างไกลภัยจากสื่อดังกล่าว ประการแรก ต้องเข้าใจวัยและพัฒนาการของลูกก่อน เพราะเมื่อถึงวัยหนึ่งเขาหรือเธออยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ ก็ต้องให้ความรู้กับลูกด้วย อย่าให้ลูกเกิดความเข้าใจผิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องลี้ลับ เป็นเรื่องน่าเกลียด ไม่ควรพูดถึง เพราะจะทำให้ลูกหลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าถาม และถ้าลูกมีคำถามก็พยายามตอบคำถามให้เป็นเรื่องปกติ
ประการที่สอง สังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูก ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ ทั้งควรหมั่นถามถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ โดยให้ลูกได้สังเกตตัวเองด้วย ต้องสร้างบรรยากาศการพูดคุยให้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องปกติเหมือนพูดคุยเรื่องอื่นๆ ก็จะทำให้เขาเกิดความไว้วางใจที่จะพูดคุยกับพ่อแม่
ประการที่สาม สร้างสัมพันธภาพด้วยการเป็นเพื่อน บอกลูกแบบตรงไปตรงมาว่าสามารถคุยกับพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง อาจจะบอกความในใจก็ได้ว่าคุณคิดอย่างไรเมื่อครั้งที่คุณเป็นวัยรุ่น เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าทุกคนก็มีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ เพียงแต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป พร้อมทั้งบอกให้เขาเข้าใจว่าในยุคปัจจุบันโลกอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทมาก พ่อแม่กังวลใจว่าโลกอินเตอร์เน็ตบางครั้งก็เป็นภัยร้ายได้ ถ้าเรารับสารไม่เหมาะสม
ประการที่สี่ ชวนลูกพูดคุยถึงข้อดีข้อเสียของอินเตอร์เน็ต และภาพที่ไม่เหมาะสมว่าเป็นอย่างไร และลองถามว่าถ้าไม่เหมาะสมลูกมีความคิดเห็นอย่างไร การหมั่นตั้งคำถามจะทำให้เราเข้าใจว่าลูกคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างไร
ประการที่ห้า ตั้งกฎกติกาให้สมาชิกในครอบครัวคุยกันได้ทุกเรื่อง บอกลูกว่าเมื่อลูกอยู่ในวัยที่โตเพียงพอ สามารถท่องโลกไซเบอร์ได้เอง แต่มีอะไรก็ขออย่าได้ปิดบังพ่อแม่ มีอะไรก็สามารถถามไถ่หรือปรึกษาหารือได้ทุกเรื่อง ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณก็ควรทำได้ตามนั้นจริงๆ
ประการที่หก ทางที่ดีควรมีโปรแกรมป้องกันเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมด้วยก็ดี เพราะเดี๋ยวนี้ก็มีโปรแกรมมากมาย อย่างน้อยก็สามารถคัดกรองได้ในระดับหนึ่ง หรืออาจเข้าไปหาข้อมูลได้จาก Cybersitters
ประการที่เจ็ด อย่าจัดให้มีคอมพิวเตอร์ในห้องนอนลูก หรือห้องส่วนตัว ควรจัดไว้ในที่ที่ทุกคนในบ้านสามารถเห็นได้ อย่างน้อยก็เป็นการป้องปรามได้ ในกรณีที่ลูกของคุณติดไปแล้ว ก็ควรจะต้องพูดคุยกับลูกดีๆ และค่อยๆ เริ่มตั้งกฎกติกาการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างจริงจัง อย่าใช้วิธีดุด่า เพราะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ถ้าเราเข้าใจพื้นฐานความอยากรู้อยากเห็นตามวัย เราก็จะยอมรับ และใจกว้างพอที่จะให้เขาได้เรียนรู้
แต่หนทางที่ดีที่สุดคือการเอาตัวของพ่อแม่เข้าไปแก้ปัญหา ด้วยการชวนลูกทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว ซึ่งต้องจริงจังและสม่ำเสมอ เป็นเรื่องที่ต้องเลือก ไม่ควรบอกว่าไม่มีเวลา ก็เลยต้องปล่อยลูกไว้กับอินเทอร์เน็ต ต้องถามใจตัวเองว่า ระหว่าง “เสียเวลา” กับ “เสียลูก” จะเลือกอะไร…!!
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)