ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาปรากฎโฆษณาผ่านสื่อมวลชน มีการเผยแพร่โฆษณาเกี่ยวกับ"แอร์ฆ่าเชื้อโรค" เนื่องจากมีเครื่องปรับอากาศหลายยี่ห้อได้เสนอทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคโดยอ้างว่า สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ท้้งแบคทีเรียและไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคระบาดต่างๆ เช่น SAR หรือไวรัสไขหวัดใหญ่ 2009 เป็นต้น แอร์ฆ่าเชื้อโรคมีจริงหรือไม่? ทำไมมีโฆษณาแอร์ที่มีระบบฆ่าเชื้อด้วย ?
เชื้อโรคกับ ฟิลเตอร์
"เชื้อ" หรือ"เชื้อโรค" ที่ทุกคนเข้าใจกันเป็นส่วนใหญ่คงจะหมายถึง จุลลินทรีย์ต่างๆที่ก่อให้เกิดโรคได้ ที่เรารู้จักกันดีก็ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส รา ยีสต์ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงจุลินทรีย์นั้นมีอยู่ทั่วไป ทุกที่ ทุกเวลา และทุกชนิดที่กล่าวมา ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ คือ ไม่ก่อให้เกิดโรค เชื้อที่ก่อให้เกิดโรคจริงๆ ก็สามารถพบได้ด้วยแต่จะมีน้อยอยู่มาก และโดยเฉพาะในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก จะพบได้น้อยมากๆ
ถ้าถามว่า แอร์ฆ่าเชื้อโรคมีจริงหรือไม่ ต้องตอบว่า มี แต่พวกที่สามารถฆ่าเชื้อหรือกรองเชื้ออย่างละเอียดนั้นจะไม่ได้มีใช้ในบ้านหรือทั่วไป แต่จะมีใช้เฉพาะแห่งเท่านั้น เช่นในห้องที่ต้องการปลอดเชื้อปลอดฝุ่นอย่างมาก เช่น ห้องผ่าตัด ห้องเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ห้องวิจัย ห้องทำแผงวงจรต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากเครื่องเหล่านี้จะมีราคาแพงมาก บางครั้งเครื่องฆ่าเชื้อโรคหรือดักฝุ่น อาจไม่อยู่รวมกับเครื่องปรับอากาศ แต่จะแยกต่างหากเป็นระบบกำจัดเชื้อจากอากาศ
กลไกในการกำจัดจุลินทรีย์ที่มีในเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้คือ การกรองด้วยฟลิเตอร์ ฟิลเตอร์ที่ใช้นี้จะไม่ใช่ฟิลเตอร์ที่กรองฝุ่นที่ติดมากับเครื่องปรับอากาศ ลักษณะจะเป็นคล้ายฟองน้ำบางๆมีรูพรุน หากส่องแสงจะเห็นแสงลอดออกมาได้ หรืออาจเป็นฟิลเตอร์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นคล้ายมุ้งลวดพลาสติก ฟิลเตอร์ที่ติดมากับเครื่องในลักษณะนี้จะไม่สามารถกรองจุลินทรีย์ได้เลย เนื่องจากจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กมากที่มองด้วยตาปลาไม่เห็น(เฉลี่ยจะมีขนาดประมาณ 1 ไมครอนหรือ 1/1000 มิลลิเมตร) และจะหลุดรอดฟิวเตอร์ได้ทั้งหมด ฟิลเตอร์ที่จะกรองจุลินทรีย์ได้นั้นจะต้องเป็นฟิลเตอร์เฉพาะที่เรียกว่า HEPA filter(High Efficient Particulate Absorbing filter) มีลักษณะคล้ายกับไส้กรองอากาศในอากาศในรถยนต์ (แบบที่เป็นใยสีขาว) แต่จะมีจำนวนชั้นเรียงทบกันหนากว่า สามารถกรองอนุภาคฝุ่น แบคทีเรีย รา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนได้ อย่างไรก็ตามฟิวเตอร์ชนิดนี้จะไม่สามารถกรองไวรัสได้(ฟิวเตอร์ที่จะกรองไวรัสได้ต้องมีขนาด 0.1 ไมครอน)
HEPA filter นั้นจะมีราคาแพง ในประเทศอเมริกา HEPA filter หนึ่งตารางฟุตหรือ 30 ซม.X30 ซม. หนา 2 นิ้ว ราคาประมาณ 3,000 บาทและเช่นเดียวกับฟิลเตอร์ต่างๆ HEPA filter ก็มีอายุการใช้งานด้วย แม้เครื่องปรับอากาศจะมีระบบกรอง HEPA filter นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะใช้ได้ตลอดจะต้องมีการเปลี่ยนด้วย(ไม่สามารถล้างได้) และถ้าไม่เปลี่ยนก็จะไม่มีประสิทธิภาพในการดักจับจุลินทรีย์ได้อีกต่อไป
อีกวิธีการหนึ่งที่มีการโฆษณาว่าใช้ระบบไอออนเพื่อฆ่าเชื้อรวมทั้งกำจัดกลิ่น หลักการทำงานของระบบไอออนนี้ ก็คือจะสลายน้ำเพื่อให้ได้อนุมูลออกซิเจน(O2-)ซึ่งจะมีประจุลบและอนุมูลไฮดรอกซิล(OH-)ซึ่งอนุมูลทั้งสองนี้จะเป็นอนุมูลอิสระ สามารถทำปฏิกิริยากับโปรตีนหรือพอลิแซกคาไรด์ที่เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์หรือผิวของแบคทีเรียหรือไวรัสทำให้เกิดการทำลายแบคทีเรียหรือไวรัสได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีรายงานคำยืนยันใดๆจากนักวิชาการอิสะ(ที่มิใช่ผู้ผลิต) ที่ยืนยันคุณภาพอากาศดีขึ้น จากการใช้เครื่องปรับอากาศแบบนี้ นอกจากนี้ในทางเดินหายใจของมนุษย์เราจะมีโปรตีน เช่นเดียวกัน จึงยังเป็นที่ถกเถียงกันต่อไปอีกว่า จะมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคนด้วยหรือไม่
แอร์ไม่ได้มีไว้ฟอกอากาศ
ผู้บริโภคจำเป็นต้องเข้าใจอย่างหนึ่ง คือ ในทุกที่บนโลกจะมีจุลินทรีย์อยู่แล้ว ในดิน ในน้ำ ในอากาศ มากน้อยแตกต่างกัน พบได้ทั้งในบ้าน ในห้องนอน ห้องน้ำ ที่ทำงาน ห้องเลี้ยงเด็ก จุลินทรีย์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ไม่ก่อโรค ดังนั้น แม้ว่าจะมีแอร์หรือเครื่องฟอกอากาศ ที่สามารถทำงานได้จริงตามที่กล่าวอ้าง ก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะเมื่อเปิดประตูห้องออกไป เราก็จะเจอกับจุลินทรีย์สารพัดชนิด และที่สำคัญ คือ** เมื่อเราเปิดประตูห้อง จุลินทรีย์จากภายนอกก็จะปะปนเข้ามาในห้องได้ใหม่ และถ้าเป็นห้องที่เปิดเข้า เปิดออกบ่อยครั้ง แอร์ฆ่าเชื้อโรคยิ่งจะไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย หรือพุดอีกนัยยะหนึ่ง คือ ไม่มีวันฆ่าเชื้อโรคได้หมดนั่นเอง** และต่อให้ในห้องมีแอร์ฆ่าเชื้อดรคได้ หากคนที่นั่งข้างๆหรือคนในห้องเป็นหวัด 2009 เราคงมีโอกาสติดได้มากเช่นเดียวกันได้
ดังนั้นในนการเลือกซื้อแอร์ สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ ประโยชน์ที่สำคัญของแอร์นั่นเอง คือเป็นเครื่องทำความเย็นให้แก่ห้อง การเลือกซื้อ จึงควรให้ความสนใจในเรื่อง ความสามารถในการทำความเย็น อัตราการใช้ไฟ(ควรเป็นเบอร์ 5) หรือความเงียบในการทำงานมากกว่า ส่วนเรื่องของการฆ่าเชื้อ น่าจะเป็นเรื่องรอง ซึ่งเป๋นเรื่องของการฆ่าเชื้อ น่าจะเป็นเรื่องรอง ซึ่งเป็นเรื่องการเพิ่มมูลค่าและความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดของผู้ผลิต และจะทำให้เครื่องมีราคาแพงมากขึ้นโดยได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า แต่ถ้าผู้บริโภคยังยืนยันที่จะต้องการฆ่าเชื้อโรคในอากาศ เครื่องฟอกอากาศ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
โดย: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กอบชัย ภัทรกุลวณิชย์
ที่มา:วารสารฉลาดซื้อ ปีที่ 16 ฉบับที่ 110 เดือนเมษายน 2553
Relate topics
- รณรงค์เลิกใช้โฟม
- รายการสงขลามหาชน ตัวอย่างอาหารของแม่ ตอน " บทบาทของพ่อ " อาหารของแม่ สร้างความอบอุ่นของครอบครัวกับมื้ออร่อยที่แม่บรรจงปรุงเพื่อลูก
- ข่าวดีจะดัง ตอนที่ 265 โรงเรียนสุขภาพดี ของ อบต.ควนรู( http://youtu.be/KsuLA7Fguy8 )
- ข่าวดีจะดัง ตอนที่ 265 โรงเรียนสุขภาพดี ของ อบต.ควนรู(7 เม.ย 5…: http://youtu.be/KsuLA7Fguy8 )
- รายการอาหารของแม่ ตอน " อาหารคือภาคีและพื้นที่ " เปิดอร่อยด้วย ยำบัวบก สูตรสมุนไพรภูมิปัญญาถิ่น อบต.ท่าข้าม ของป้ายุพา ผลชนะ