ข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์

เตือนโจ๋ชะโลมเบบี้ออยล์ถุงยางกันฝืดเสี่ยงแตก

by twoseadj @April,28 2010 13.29 ( IP : 202...244 ) | Tags : ข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์
photo  , 300x318 pixel , 17,894 bytes.

อึ้ง! วัยรุ่นแห่ใช้เบบี้ออยล์ทาถุงยางแทนสารหล่อลื่น เหตุถุงยางราคาถูก คุณภาพต่ำ ไร้สารหล่อลื่น ชี้ ใช้ผิดวิธีทำถุงยางแตก-ฉีกขาด คุมกำเนิดไม่ได้ผล 7-28% ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แนะหากมีเซ็กซ์สม่ำเสมอควรกินยาคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุมจะดีกว่า โอกาสพลาดแค่ 1%
      ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ได้ทำการวิจัยเรื่องความเสี่ยงการใช้ถุงยาอนามัยในกลุ่มวัยรุ่น ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จำนวน 1,000 คน ซึ่งได้ทำการประเมินผลเบื้องต้นประมาณ 500 ตัวอย่าง พบว่า วัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่นิยมสวมถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ เพราะมีทัศนคติว่า หากรักจริงไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยาง แต่นิยมใช้วิธีการคุมกำเนิดโดยวิธีธรรมชาติที่มีโอกาสเกิดการผิดพลาดสูง เช่น วิธีการนับวันมีประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งวัยรุ่นระดับฮอร์โมนยังไม่คงที่ทำให้คลาดเคลื่อนได้ หรือ ใช้วิธีการหลั่งภายนอก ซึ่งทั้ง 2 วิธี จะต้องได้รับความร่วมมือจากทั้ง 2 ฝ่าย
      ผศ.นพ.มานพชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่กลุ่มที่ใช้ถุงยางอนามัยก็จะใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง ซึ่งสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่ง คือ การที่กลุ่มวัยรุ่นนิยมนำสารหล่อลื่น เช่น นำเบบี้ออยล์ที่หาได้ง่ายทาที่ถุงยางก่อนสอดใส่อวัยวะ ซึ่งสารเคมีในสารหล่อลื่นดังกล่าวจะไปทำปฏิกิริยาทำให้ถุงแตกหรือฉีกขาดได้ นอกจากนั้น อาจใส่ถุงยางในช่วงเวลาไม่เหมาะสม และหยิกจิกด้วยเล็บ ทำให้ถุงยางรั่ว เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุที่ใช้เบบี้ออยล์ทาถุงยางเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากวัยรุ่นจะใช้ถุงยางอนามัยราคาถูก ซึ่งมีคุณภาพต่ำ ขณะที่ถุงยางที่มีคุณภาพจะมีสารหล่อลื่นที่ปลอดภัยแต่มีราคาแพง ขณะที่ถุงยางที่คุณภาพต่ำจะไม่มีสารหล่อลื่น ทำให้รู้สึกฝืดในการมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่เป็นที่นิยมในบรรดากลุ่มวัยรุ่น
      ผศ.นพ.มานพชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ถุงยาอนามัยเพื่อการคุมกำเนิดในกลุ่มวัยรุ่นนั้น ไม่ได้ผล ซึ่งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า อุบัติการณ์คุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัยมีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 7-28% ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์จำนวนมาก ขณะที่การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบกิน แบบแปะ หรือการฉีด ล้มเหลวน้อยกว่า 1% เท่ากับสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 99% ดังนั้น การคุมกำเนิดด้วยวิธีกินยา หรือแบบฉีดได้ผลดีกว่ากว่าใช้ถุงยางแต่การใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
      “หากวัยรุ่นมีคู่และเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหลายครั้งก็ควรกินยาเม็ดคุมกำเนิดดีกว่า แต่ไม่แนะนำให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ซึ่งสามารถคุมกำเนิดได้ผลแค่ 75%และมีผลข้างเคียง เช่น มีเลือดออกมากผิดปกติ และอาจได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงอื่นๆ หากใช้ติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี” ผศ.นพ.มานพชัย กล่าว

Relate topics

Comment #1ยึดออกพก-ถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัย
Posted @June,24 2010 16.19 ip : 222...240

โอโห้  ก็อย่าทำอะไรแปลกกันนักนะ
นึกถึงผลตามมากันบ้าง

วันก่อนเราดูช่อง 3  ทางหน่วยงานราชการเค้ากำลังทำโพลสำรวจเพื่อผลิตถุงยางอนามัยให้ตรงกับขนาดอวัยวะเพศอยู่ด้วยแหละ ยังงัยก็ลองไปตามดูกันหน่อยนะ

รู้สึกจะเป็นเว็บ  www.aidsthai.org ที่เค้าทำโพลอยู่

ขอบคุณมากนะ

Comment #2หล่อลื่น
ภา
Posted @June,28 2010 11.28 ip : 222...54

พึ่งรู้เหมือนกันเลยนะเนี่ยว่า....ออยทำถุงยางแตกได้ บางทีก็ใช้บางคือแบบเราไม่มีอารมณ์แล้วแฟนเค้าขอร่วมเพศด้วย ขอบคุณมากนะเป็นข้อมูลที่ดีมากๆอย่างนี้ต้องเอาไปบอกเพื่อนๆก่อนแล้ว

Comment #3ทำไปได้
ติ
Posted @July,15 2010 09.24 ip : 222...91

ก็อะนะ จะทำอะไรหาข้อมูลกันให้ดีนะ ไม่ใช่ใส่อะไรเข้าไปแล้วก็ให้มันร่วมเพศกันได้ลื่นเป็นอันตรายต่อร่างกายเราเองนะ ก็ขอขอบคุณคุณเจ้าของเว็บมากที่เขียนบทความดีๆมีประโยชน์ต่อผู้คนให้อ่านกัน

สุดท้ายนี้อยากทิ้งท้ายเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยกันครับ

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง