คุณจันทร์ทิพย์ ได้รับมอบหมายอำนาจจากนางสาว นันทิภา โชิตรัตน์ ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณจันทร์ทิพย์ ได้ซื้อรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น คอมมิวเตอร์ เพื่อมาประกอบการวิ่งรถตู้โดยสารรับจ้างสายสงขลา-หาดใหญ่ เนื่องจากต้องการลดต้นทุนในการประกอบการ จึงมีความสนใจซื้อรถตู้ที่จะมาวิ่งเป็นแบบ ใช้ก็าซธรรมชาติ เอ็นจีวี ทางคูณจันทร์ทิพย์ ก็ไปติดต่อกับบริษัท โต้โยต้า สาขาหาดใหญ่ ก็ได้รับคำตอบว่า ทางบริษัทไม่มีสายการผลิตรถตู้แบบใช้พลังงานก็าซธรรมชาติ ทางคุรจันทร์ทิพย์ จึงไปติดต่อซื้อรถจากบริษัท เอ็นจีวี คาร์เซนเตอร์ จำกัด 438 ถนน พหลโยธิน กรุงเทพ ซึ่งมาตั้งสำนักงานสาขาอยู่ที่ตลาดขนส่งอาเชี่ยนเทรด หาดใหญ่ ตามใบโฆษณาของบริษัท ชี้ชวนให้ซื้อ ในการซื้อขายรถตู้ทางบริษัทบอกกับคุณจันทร์ทิพย์ว่า ต้องมีใบประกอบการของสำนังานขนส่งมาแสดงยืนยันด้วย จึงจะสามารถซื้อรถตู้ดังกล่าวได้ ซึ่งคุรจันทร์ทิพย์ก็ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากลูกสาว คือ นางสาวนันทิภา เป็นผู้ประกอบการรถตู้โดยสารอยู่แล้ว จึงตกลงซื้อรถตู้เอ็นจีวี มาด้วยราคา 1.6 ล้านบาทกว่า
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน รถตู้ตามคำโฆษณาเชิญชวนของบริษัท ว่า เป็นรถตู้ที่ประกอบนอก(ต่างประเทศ)ทั้งคัน จึงมีความเชื่อใจ เชื่อถือว่าคงจะได้รับรถที่มีคุณภาพแน่นอน ครั้นเมื่อรับรถตู้ดังกล่าวไปวิ่งรับจ้างประมาณ 1 ปี ระยะทางประมาณ 120,000 กม. ก็เกิดปัญหาขึ้น คือ
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2552 รถตู้ดังกล่าวเกิดเสีย พบว่า กล่องควบคุมการจ่ายก็าซ (ECU card) ชำรุด เนื่องจากเกิดมีน้ำขัง จึงแจ้งให้บริษัท เอ็นจีวี คาร์เซนเตอร์ จำกัด รับทราบ ซึ่งก็ได้มานำรถตู้คันที่เกิดปัยหาดังกล่าวไปซ่อมใช้เวลา 3 วัน คุณจันทร์ทิพย์ บอกว่า ทางบริษัทไม่ทราบสาเหตุของปัยหาที่เกิดขึ้น แต่สันนิฐานว่าน่าจะเกิดจาก กล่องควบคุมการจ่ายก็าซ (ECU card) ชำรุด และแนะนำคุณจันทร์ทิพย์ ว่าควรเปลี่ยนกล่องควบคุมใหม่ในราคา 12,000 บาท ซึ่งทางคุณจันทร์ทิพย์ก็เปรยกับทางบริษัทรับซ่อมว่า "หากมีความจำเป็นก็ยินดี ซื้อเปลี่ยน" แต่ต่อมาทางบริษัทก็โทรศัพท์มาแจ้งกับคุณจันทร์ทิพย์ว่า "สามารถซ่อมได้แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยน" เมื่อซ่อมแซมเสร็จ คุณันทร์ทิพย์จึงนำรถตู้คันดังกล่าวออกวิ่งประกอบการต่อไป
ครั้นวันที่ 25 กันยายน 2552 รถตู้เอ็นจีวี คันดังกล่าวมีอาการผิดปกติ เกิดอาการควันขาวออกมาเกินปกติ ทางคุณจันทร์ทิพย์จึงแจ้งให้ทางบริษัททราบอีกครั้งหนึ่ง และเช่นเคย ทางบริษัทก็มารับรถตู้คันดังกล่าวไปซ่อมอีกเป็นครั้งที่ 2 แต่คราวนี้ทางร้านไม่สามารถซ่อมได้ ทางคุณจันทร์ทิพย์จึงมารับรถนำเข้าศูนย์ซ่อมของ บริษัทโตโยต้าจำกัด ซึ่งช่างประจำศูนย์ซ่อม ก็สันนิษฐานสาเหตุการเสียว่า น่าจะเกิดจากเครื่องยนต์มีปัญหา คุณจันทร์ทิพย์ จึงแจ้งให้คุณวัฒนา เจ้าของบริษัท เอ็นจีวี คาร์เซนเตอร์ ทราบ ถึงปัยหาที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีคำตอบและการแสดงความรับผิดชอบจากทางบริษัท
ส่วนอีกด้านหนึ่งของศูนย์ซ่อมของโตโยต้า ก็แจ้งกลับมายังคุณจันทร์ทิพย์ ว่า ทางโต้โยต้า ไม่กล้ารื้อเครื่องยนต์ของรถออกมาซ่อม ทางคุณจันทร์ทิพย์จึงแจ้งกลับไปยังโชว์รูมว่า ให้ดำเนินการซ่อมไปได้เลย จะขอรับผิดชอบเอง เนื่องจากหากรอให้เนินนาน ก็จะส่งผลต่อรายได้จากการที่ต้องนำรถตู้คันดังกล่าวออกวิ่งรับจ้างผู้โดยสาร ทางโชว์รูมจึงซ่อมแซมรถจนเสร็จ พร้อมกับมีใบแจ้งาราคาซ่อม จำนวน 120,000 บาท ทางคุณจันทร์ทิพย์กลับเป็นผู้รับผิดชอบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง แต่ข่าวร้ายที่ซัดซ้ำอีกครั้ง คือ โตโยต้า จะไม่รับประกันการซ่อมในครั้งนี้ เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวขาดประกันตั้งแต่ถูกดัดแปลงเป็นรถตู้เอ็นจีวี ทางคุณจันทร์ทิพย์ จึงแจ้งไปยัง ผู้จัดการของบริษัทอีกครั้ง ซึ่งทางบริษัทจึงเป็นผู้รับรองการซ่อมครั้งนี้ ต่อมาบริษัท เอ็นจีวีคาร์เซนเตอร์ จำกัด ได้ปิดกิจการลงในเดือนพฤศจิกายน 2552 และเปลี่ยนเป็นบริษัท เอ็นจีวี คาร์ออโต จำกัด มาเปิดสำนักงานถัดออกไปจากที่เดิม 1 ห้อง
ดังนั้น ทางคุณจันทร์ทิพย์ จึงนำเรื่องดังกล่าว ฟ้องร้องดำเนินการคดีผู้บริโภคกับศาลแขวงจังหวัดสงขลา เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่ได้รับจากการต้องซ่อมรถตู้คันดังกล่าว