ชมรมแพทย์ชนบทยื่น จม.เปิดผนึกถึง รมว.สธ. ให้ทบทวนการบริหารงบกองทุนสุขภาพคนไร้สถานะ แนะต้องบริหารให้ซับซ้อนน้อยที่สุด เสนอสธ.ส่งงบผู้ป่วยนอกและงบส่งเสริมสุขภาพตรงให้ รพ. ส่วนงบผู้ป่วยในและโรคค่าใช้จ่ายสูงให้ทำ MOU ซื้อประกันสุขภาพจาก สปสช. และเพิ่มการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนให้มากขึ้น ชี้มติ ครม.ผิดความคาดหมายของภาคีที่อยากให้สปสช.ดูแล แต่เมื่อ ครม.มอบสธ.ก็ควรบริหารให้มีประสิทธิภาพที่สุด
นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ รองประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ในวันนี้ (6 เม.ย.) ทางชมรมได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สธ. เรื่องขอให้ทบทวนกรอบการบริหารจัดการกองทุนให้บริการด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ซึ่งกองทุนดังกล่าวนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย ตรงนี้ต้องขอชื่นชมที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สธ.สามารถผลักดันจนสำเร็จเป็นมติคณะรัฐมนตรีได้ อย่างไรก็ตาม ชมรมแพทย์ชนบทพบว่ายังมีความไม่ชัดเจนบางประการ ซึ่งชมรมแพทย์ชนบทมีความเห็นว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นไปเพื่อการให้หลักประกันสุขภาพแก่ประชากร 475,409 คน ตามมติ ครม.ไม่สามารถนำไปชดเชยหนี้สินของรพ.ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เนื่องจากมติ ครม.มอบให้กระทรวง สธ.เป็นผู้บริหารจัดการกองทุน ซึ่งผิดความคาดหมายของภาคีหลายฝ่ายที่หวังจะให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบหลักประกันสุขภาพที่บริหารจัดการโดย สปสช. อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทรวง สธ.เป็นผู้บริหารก็ควรที่จะยิ่งต้องดำเนินการให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่า โดยวางให้ระบบมีความซับซ้อนน้อยที่สุด และตอบข้อสงสัยในระบบการบริหารจัดการได้อย่างกระจ่างแจ้ง
รองประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวต่อว่า ดังนั้น ชมรมแพทย์ชนบทขอเสนอ ระบบการบริหารจัดการกองทุนฯที่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด ดังนี้
ประเด็นในการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ เนื่องจาก สปสช.เป็นหน่วยงานเดียวที่สามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ดังนั้นจึงสามารถให้ทาง สปสช.ดำเนินการในฐานข้อมูลให้บุคคลดังกล่าวใช้สิทธิได้ทุกคนในทันที โดย รพ.สามารถเช็กสิทธิทาง website ได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปและสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทอง
งบประมาณส่วนของผู้ป่วยนอกและการส่งเสริมป้องกันนั้น สามารถจัดสรรตรงให้กับทาง รพ.ที่เป็นสถานบริการหลักได้โดยตรง ในลักษณะเดียวกับระบบของ สปสช.ที่จัดสรรตรงไปที่ รพ.และให้พื้นที่เป็นผู้บริหารจัดการภายในกันเอง รวมทั้งการจัดสรรภายใน และการตามจ่ายเมื่อมีการส่งต่อเป็นผู้ป่วยนอก ทำให้ส่วนกลางไม่ต้องวางระบบขึ้นมาบริหารจัดการใดๆเพิ่มเติม
งบประมาณในส่วนของผู้ป่วยในและงบค่าใช้จ่ายสูงนั้น ขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขทำ MOU กับ สปสช.เพื่อการซื้อบริการจาก สปสช. กระทรวง สธ.ไม่ควรรับมาบริหารจัดการเอง เพราะจำนวนงบประมาณที่มีน้อยเช่นนี้ หากใช้วิธีการเบิกจ่ายแบบใครเบิกก่อนได้ก่อน อาจเกิดปัญหางบหมดก่อนปลายปีงบประมาณได้
งบบริหารจัดการนั้น ขอให้ทางกระทรวงกันไว้ไม่เกิน 1% เช่นเดียวกับงบบริหารจัดการของ สปสช. ไม่ควรกันไว้สูงถึง 3% ดังที่มีข่าวออกมา เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาว่า นำงบประมาณเพื่อการรักษาพยาบาลคนด้อยโอกาสมาใช้เกินจำเป็น
การสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกองทุนฯ ปัจจุบันคณะกรรมการมีตัวแทนจากกลุ่มคนที่รอพิสูจน์สถานะบุคคลเพียง 1 คนเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเพิ่มกรรมการในส่วนของเครือข่ายภาคประชาชน ให้คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมหรือนักวิชาการเข้ามาเป็นกรรมการ ในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 เพื่อเป็นกลไกในการทำให้ความเห็นต่างๆที่อยู่นอกระบบมาอยู่ในกรอบการพูดคุยในรูปของคณะกรรมการ
“ชมรมแพทย์ชนบทเห็นว่า ระบบบริหารจัดการที่ดี คือระบบบริหารจัดการที่ไม่ซับซ้อนและไม่ซ้ำซ้อน แม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นประเด็นทางเทคนิค แต่มีผลอย่างยิ่งในการตั้งต้นการวางระบบบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพของคนที่รอการพิสูจน์สถานะบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ทางชมรมแพทย์ชนบทจึงหวังว่า เสียงสะท้อนนี้จะมีส่วนให้มีการทบทวนระบบบริหารจัดการ กองทุนให้บริการด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ของกระทรวงสาธารณสุข ให้สมตามเจตนารมณ์ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ให้ความสำคัญการแก้ปัญหานี้เป็นลำดับต้นๆ” นายแพทย์สุภัทรกล่าว
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)