แม้สาเหตุการเสียชีวิตของนักเรียนหญิงชั้น ม.5 จ.ขอนแก่น จะเกี่ยวข้องกับการจัด หรือดัดฟันแฟชั่นหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับวัยรุ่นทั้งหลายได้ตระหนักถึงอันตรายของความสวยงาม โก้เก๋ ที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต
ทพ.ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมชุมชน คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปกติการจัดฟันจะเป็นการแก้ไขความผิดปกติของการเรียงตัวของฟัน เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น ฟันบนล่างไม่สบกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการบดเคี้ยวอาหาร สุขภาพของฟัน รวมทั้งเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน และยังช่วยปรับ ให้รูปลักษณะใบหน้า และการยิ้มดูดีขึ้น ผู้ให้การรักษาจะต้องเป็นทันตแพทย์เท่านั้น
การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงาม โก้เก๋ ทันสมัย ผู้ที่ให้บริการไม่ใช่ทันตแพทย์ ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา
ในปัจจุบันจัดฟันแฟชั่น อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
ลวดร้อยลูกปัด เป็นการใช้ลวดเส้นเล็ก ๆ ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ มีวางจำหน่ายในตลาดนัดและแหล่งชุมชนต่าง ๆ ราคาเส้นละ 50-120 บาท เด็กและวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เอง
จัดฟันแฟชั่นแบบติดแน่น เป็นการเลียนแบบการจัดฟันของทันตแพทย์ให้เหมือนมากขึ้น โดยจะมีการติดเครื่องมือ “แบ๊กเกต” เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องใส่ลวดจัดฟันและมีส่วนยื่นออกมาสำหรับคล้องยาง ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 800-1,200 บาท สามารถเลือกสีของยาง รูปร่างของยาง เช่น รูป ดอกไม้ มิกกี้เม้าส์
จัดฟันแฟชั่นแบบถอดได้ เป็นการใช้เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ “รีเทนเนอร์” ที่เหมือนกับทันตแพทย์ใช้ มีลักษณะเป็นแผ่น พลาสติกปิดอยู่ที่เพดาน หรือข้างลิ้น มีลวดคอยบังคับฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ มีการดัดแปลง เพิ่มแบ๊กเกตให้ติดอยู่บนลวด ขั้นตอนการทำจะต้องมีการพิมพ์ฟัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 800-1,300 บาทต่อชิ้น สามารถเลือกสี ลายของแผ่น พลาสติก และลวดได้
อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น มีดังนี้
อันตรายจากขั้นตอนการทำ เครื่องมือที่ใช้ เช่น ถาดพิมพ์ฟันใช้แล้วไม่ได้ล้าง หรือล้างแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคที่มาจากน้ำลายของผู้ใช้บริการคนก่อน ผู้ทำไม่ได้สวมถุงมือ อาจติดโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี วัณโรค ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ โปลิโอ
อันตรายจากวัสดุ ลวดจัดฟันแฟชั่นที่ใช้คุณ ภาพต่ำ มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู หากสะสมในร่างกายมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ของเซลล์ตาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ การใช้ลวดที่เป็นสี เมื่อใส่ไว้ในปากสักระยะหนึ่ง มีการสัมผัสอาหาร ของเย็น ของร้อน แล้วสีจางลง ส่วนประกอบของสีจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านเข้ากระเพาะอาหาร และดูดซึมไปสะสมไว้ในร่างกาย เป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย
อันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก ในขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอ กรอเอาเคลือบฟันที่ดีออกไป รวมทั้งใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลื่อนฟันบางลง ทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย
การปรับแต่งลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้จะทำให้เกิดแรงกดไปที่ตัวฟัน และฟันเคลื่อนไปจากเดิม ทำให้มีอาการปวดฟันมากอาจทำให้ฟันซี่นั้นกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลาย อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป เครื่องมืออาจหลุดลงคอ หรือ หลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้การใส่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักทำให้เกิดการบาดกระพุ้งแก้ม หรือเนื้อเยื่อในช่องปากกลาย เป็นแผล เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการแปรงฟันและทำความสะอาดฟัน อาจทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ บวมแดง มีกลิ่นปาก
ท้ายนี้ขอเตือนวัยรุ่นทั้งหลายว่า หากฟันไม่ได้มีปัญหาก็ไม่ควรไปจัดหรือดัดฟันแฟชั่น เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจได้รับอันตรายจากวัสดุจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงขั้นเสียชีวิตได้.
ที่มา : เดลินิวส์
Relate topics
- กรณีศึกษา อย.เตือนยาคีไตรโซนผิดมาตรฐาน-อันตราย สั่งเก็บทุกสถานพยาบาล
- กรณีศึกษา อย.เผยพบแบคทีเรียปนเปื้อน “น้ำยาบ้วนปากออรัล-บี” เตือน ปชช.ระงับใช้
- กรณีศึกษา สลด!! ว่าที่ "นิสิตเภสัช" ม.มหาสารคาม กินยาลดความอ้วนดับ น้องสาวเผยกลัวใส่ชุดไม่สวย
- กรณีศึกษา สั่งถอนยา "บีเวลล์" แก้เซ็กซ์เสื่อมอาจมีผลข้างเคียงถึงตาย!
- กรณีศึกษา ธนาคารมีสิทธิคิดค่าธรรมเนียมอย่างอื่นนอกเหนือจากดอกเบี้ยหรือไม่