เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

แหล่งข่าวจากกลุ่มป้องกันและปราบปรามเงินนอกระบบ กระทรวงการคลังเปิดเผยว่าขณะนี้มีกลุ่มผู้หวังผลประโยชน์หลอกลวงประชาชนในลักษณะชักชวนลงทุนผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการโอนเงินผ่านบัตรเครดิตและฝากด้วยเงินสด ไม่มีการพบหน้ากัน จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อเพราะพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวงและตามจับกุมได้ยาก ที่ผ่านมารับแจ้งจากผู้เสียหายแล้วกว่า 20-30 ราย

รูปแบบที่ที่นิยมให้ชักชวนลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ตมี 2 ลักษณะ ได้แก่ 1.ชักชวนให้ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ โดยการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน กฎหมายไม่อนุญาตให้ประชาชนทำได้ นอกจากนิติบุคคล เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ช่วยติดตามดูแลการโอนเงินที่มีลักษณะผิดปกติ และ 2.เก็งกำไรจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะตลาดน้ำมันและทองคำที่ราคาผันผวนในช่วงที่ผ่านมา

"ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอาจทำให้การเก็งไรอาจมีความผิดพลาด ช่วงแรกที่หลงกลไปเล่นก็จะหลอกให้เราได้กำไรมากๆ หลังจากนั้นก็จะเสียตลอดคาดว่าหลังพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะสามารถติดตามและจับกุมได้เพิ่มขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว

ก่อนหน้านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า มีเว็บไซต์ที่ชื่อว่าโคโลนี่อินเวส ฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งมีประชาชนตกเป็นเหยื่อแล้วนับหมื่นรายทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท แต่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษและให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพียง 100 รายเท่านั้น

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2547 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 ถึง 1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน รวมทั้งเข้าข่ายการฟอกเงิน พร้อมส่งเรื่องให้กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบดำเนินการฟ้องร้องล้มละลาย และยึดทรัพย์สินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้

ที่มา ARiP
Thursday, 18 September 2008