เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

ชาวบ้านในจังหวัดพัทลุง นำพวงหรีดไปวางที่ตู้ เอ ที เอ็ม หน้าธนาคาร กสิกรไทย สาขาพัทลุงเรียกร้องให้ธนาคารชี้แจงกรณีกดเงินจากตู้ 50,000 บาทแต่ได้เงินสดเพียงแค่ 30,000 บาท พร้อมเตรียมยื่นฟ้องต่อศาล ตาม พรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค

นายสำเริง  สุดสวาท  อายุ 47 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 4 ตำบลท่ามิหรำ  อำเภอเมือง  จังหวัดพัทลุง นำพวงหรีดไปวางหน้าตู้ เอ ที เอ็ม ของธนาคารกสิกรไทย  สาขาพัทลุง เพื่อเรียกร้องให้ทางธนาคารชี้แจงกรณีกดเงินจากตู้ เอ ที เอ็ม ของธนาคาร จำนวน 5 หมื่นบาท แต่ได้รับเงินสดเพียงแค่ 3 หมื่นบาท

นายสำเริง  สุดสวาท  ระบุว่า  เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์  2551 ตนและนางเยาวภา  สุดสวาท  ภรรยาได้ทำการกดเงินจากตู้  เอ ที เอ็ม ของธนาคารกสิกรไทย สาขาพัทลุงโดยกดเงินจำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรก 20,000 บาท ครั้งที่ สอง  20,000 บาทและครั้งที่ 3  10,000 บาท  แต่ปรากฏว่าเมื่อนับเงินได้เงินสดเพียงแค่ 30,000 เท่านั้น หลังจากนั้นตนได้ประสานทางโทรศัพท์กับ คอลเซ็นเตอร์  ซึ่งเจ้าหน้าที่จาก คอลเซ็นเตอร์ระบุจะทำการตรวจสอบให้ภายใน 7 วัน แต่หลังจากนั้นเรื่องได้เงียบหายไป  ตนได้ทำเรื่องทวงถามถึง 2 ครั้ง  จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 ทางธนาคารได้ยืนยันว่าเครื่องได้ทำรายการถูกต้อง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเงินจำนวน 20,000 บาทหายไปไหน ตนจึงได้ยื่นหนังสือปฏิเสธการยืนยันของธนาคารพร้อมเรียกร้องให้ธนาคารตรวจและชี้แจงว่าเงินจำนวน 20,000 บาทหายไปไหน  ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ไม่ได้รับการติดต่อกับธนาคารอีกเลย  จึงตัดสินใจนำพวงหรีดมาวางหน้าตู้เพื่อเรียกร้องให้ทางธนาคารชี้แจงกรณีดังกล่าว

สำเริง  สุดสวาท  ผู้ร้องเรียนเข้าไปเจรจาภายในธนาคารโดยปฏิเสธที่จะชี้แจงกับสื่อมวลชน  ซึ่งหลังพบเจ้าหน้าที่ธนาคาร นายสำเริง ชี้แจงว่า ล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุปจากทางธนาคาร  ซึ่งหลังจากนี้ตนจะยื่นฟ้องต่อศาลตาม พรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค  ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่  23  สิงหาคม  2551 เพื่อเรียกร้องให้ธนาคารหาข้อพิสูจน์เรื่องเงินจำนวน 20, 000 บาท ที่หายไป

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2552 ได้ไปฝากเงินที่ตู้ เงินฝากของธนาคารกสิกร สาขาอะไรไม่รู้ที่อยู่ตรงสี่แยกปิ่นเกล้า ยังไม่ทันได้สลิปเลย เครื่องก็ดับ โทรแจ้ง คอลเซ็นเตอร์ ก็บอกต้องรอ 3 วันทำการ แล้วยังงี้จะได้เงินไหม เคลียด ต้องแจ้งตำรวจด้วยไหมเนี่ย