บทความ

กรณีศึกษา อันตรายจากกลูธาไธโอน

by twoseadj @March,12 2009 19.13 ( IP : 222...4 ) | Tags : บทความ
photo  , 444x373 pixel , 23,575 bytes.

อันตรายจากสารกลูตาไธโอนในสารฉีดผิวขาว

“ฉีดผิวขาว” ย้ำอันตราย “ถึงตาย” สยามฯ ขึ้นป้ายเกลื่อน “ขาวจั๊ว!!”

อย. เตรียมประสานกองการประกอบโรคศิลปะ ลุยจับคลินิกเสริมความงามใช้สาร“กลูตาไธโอน” ทำดีท็อกซ์หน้าขาว-ตัวขาว เลขาฯ อย. ยัน ไม่เคยอนุญาตให้ใช้สารดังกล่าวฉีดเข้าเส้นเลือด ชี้หากเกินขนาดอันตรายถึงตาย จี้แพทยสภาเอาผิดหมอ ขณะที่สถาบันเสริมความงามย่านสยามสแควร์ เปิดให้บริการฉีดสารทำดีท็อกซ์หน้าขาว-ตัวขาวเกลื่อน แฉแห่ฉีดจนยาหมดเกลี้ยงหลังจาก หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก นำเสนอข่าวสถานเสริมความงามบางแห่ง ลักลอบนำเข้าสารกลูตาไธโอน ฉีดให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มความขาวให้กับผิวพรรณ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะสารดังกล่าวไม่ได้ยื่นขออนุญาตหรือขอจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)<br />

แต่อย่างใด ล่าสุด เลขาธิการ อย. เตรียมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกกวาดล้างจับกุมสถานเสริมความงามและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการนำสารกลูตาไธโอน เข้ามาใช้ในประเทศไทยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการ อย. กล่าวว่า อย. ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนหรืออนุญาตให้นำเข้าสารกลูตาไธโอน และเชื่อว่าผู้ที่นำสารดังกล่าวเข้ามาใช้ ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้สารดังกล่าวใช้สำหรับบำบัดรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร โดยนำไปผสมกับสารตัวอื่นๆ ก่อน ซึ่งต้องใช้โดยแพทย์เท่านั้น เพราะอาจเป็นอันตรายได้ ซึ่งคุณสมบัติของสารดังกล่าว ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อฉีดให้ผิวขาวแต่อย่างใด

การนำสารกลูตาไธโอนมาฉีดเพื่อผิวขาว ไม่ว่าจะฉีดโดยคลินิกหรือร้านเสริมความงาม ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งยังถือเป็นความผิดทางกฎหมาย เนื่องจากทาง อย. ไม่เคยขึ้นทะเบียนสารดังกล่าวในประเทศไทย และไม่ได้อนุญาตให้มีการนำเข้า ซึ่งหากพบจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. ยา มีความผิดในฐานโฆษณาเกินจริง มีโทษปรับถึง 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังเป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า สารกลูตาไธโอน หากเป็นชนิดรับประทาน กำหนดให้ทานได้ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะสั่งจ่ายให้กับผู้ป่วย แต่จากการสำรวจตามเว็บไซด์ที่มีการขายสารชนิดนี้ โดยมุ่งให้มีผิวขาวนั้น มีการแนะนำให้รับประทานถึง 500-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาจนเป็นอันตรายได้ เลขาธิการ อย. กล่าวด้วยว่า จะร่วมกับกองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดำเนินการกวาดล้างจับกุมผู้ที่นำสารดังกล่าวมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจะดำเนินคดีสถานหนัก และหากพบว่าผู้ที่นำมาใช้เป็นแพทย์ จะร้องเรียนไปยังแพทยสภา เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดทางจรรยาบรรณแพทย์ต่อไป

นายวินิต อัศวกิจวิรี ผู้อำนวยการกองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า สารกลูตาไธโอนที่ใช้เป็นตัวยาฉีดเข้าร่างกายนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการขอขึ้นทะเบียนกับกองควบคุมยา หากแพทย์นำไปฉีดให้คนไข้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แม้จะเป็นตัวยานำเข้าหรือลักลอบซื้อมาจากต่างประเทศก็ผิดกฎหมายทั้งสิ้น เพราะยังไม่ขึ้นทะเบียนกับ อย. การนำสารหรือยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนรับรองถูกต้องมาฉีดให้คนไข้ อาจเป็นการทดลองยารูปแบบหนึ่งก็ได้ ขอเตือนให้ประชาชนระวัง อย่างหลงกับคำอ้างว่า ผ่าน อย.แล้ว ส่วนที่อ้างว่าสารกลูตาไธโอนผ่านการรับรองจาก อย. นั้น ก็เป็นเพียงการอนุญาตให้ใช้ในรูปแบบกรดอะมิโน ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อใช้กินร่วมกับวิตามินเป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายเท่านั้น ไม่เคยอนุญาตให้ใช้เป็นยาเดี่ยวหรือยาฉีดเข้าร่างกายแต่อย่างใด

นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดก่อน ซึ่งยังไม่

สามารถระบุได้ในขณะนี้ว่า จะเอาผิดกับแพทย์ที่นำสารดังกล่าวมาใช้อย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา มียาหลายชนิดที่แพทย์นำผลข้างเคียงมาใช้กับผู้ป่วย อย่างเช่น ยาแก้แพ้ ก็มีการสั่งนำมาใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการคันตามร่างกายเพื่อให้ผู้ป่วยหลับและไม่คัน ขณะที่ ศ.นพ.นิวัติ พลนิกร ประธานวิชาการสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ ให้ข้อมูลว่า สารกลูตาไธโอน มีเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ปกติแพทย์จะใช้ในปริมาณเพียง 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง แต่กลุ่มคลินิกเสริมความงามได้นำมาใช้เป็นสารผสมกับวิตามินซี เพื่อฉีดให้ผิวขาวขึ้น โดยจะใช้สารกลูตาไธโอนสูงถึง 600-1,000 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดดำโดยตรง ซึ่งมากกว่าปกติ 3-5 เท่า ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องใช้ปริมาณมากขนาดนั้น ก็เพื่อให้ได้ผลและเห็นผลรวดเร็วว่าผิวดูขาวขึ้นจริง ซึ่งในทางการแพทย์ ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก อยากเตือนให้แพทย์ด้านศัลยกรรมความงามเลิกใช้สารกลูตาไธโอนฉีดให้วัยรุ่นเพื่อเปลี่ยนสีผิวให้ขาวขึ้น เพราะจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย หากผู้ป่วยเกิดอาการแพ้รุนแรงหรือช็อกเสียชีวิต จะสร้างความเสียหายให้แก่แพทย์ที่ฉีดเอง

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ได้ออกสำรวจคลินิกเสริมความงามย่านสยามสแควร์ แหล่งรวมวัยรุ่น พบว่า คลินิกชื่อดังหลายแห่งล้วนมีโปรแกรมฉีดสารกลูตาไธโอน โดยอ้างว่าเป็นการฉีดดีท็อกซ์หน้าขาว-ตัวขาว ราคาเข็มละ 1,600-4,000 บาท และจะต้องฉีดอย่างน้อย 3-5 เข็ม แล้วแต่สีผิวของลูกค้า พร้อมกับอ้างสรรพคุณว่า จะทำให้ผิวทั่วเรือนร่างขาวกระจ่างใส ไร้รอยด่างดำ โดยเฉพาะผิวใต้วงแขน ริมฝีปาก ตลอดจนทำให้หัวนมขาวอมชมพู

ยิ่งไปกว่านั้น คลินิกเสริมความงามชื่อดังที่มีหลายสาขาแห่งหนึ่ง อ้างว่า การฉีดสาร

กลูตาไธโอนเป็นการดีท็อกซ์หรือฟื้นฟูร่างกาย ทำให้มีรังสีออร่าทั่วเรือนร่าง และผิวจะขาวขึ้นเหมือนดารา เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามรายละเอียด เจ้าหน้าที่ประจำคลินิกให้ข้อมูลว่า ต้องฉีดอย่างน้อย 5 เข็ม ถึงจะเห็นผล และต้องฉีดทั้งหมด 10 เข็ม รวมเป็นเงิน 30,000 บาทต่อคอร์ส พร้อมกับรับรองว่า แค่ฉีดเพียงเข็มแรก ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิว ซึ่งจะมีสีขาวขึ้น แต่ต้องมาฉีดทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องกัน 10 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่คลินิกชื่อดังบอกด้วยว่า ตอนนี้โปรแกรมฉีด ดีท็อกซ์ผิวขาว หรือฉีดสารกลูตาไธโอนผสมกับวิตามินซี กำลังเป็นที่นิยมของลูกค้าวัยรุ่นอย่างมาก โดยตัวยาที่สั่งซื้อจากเยอรมนี ได้ฉีดให้ลูกค้าหมดแล้วภายในหนึ่งสัปดาห์ หากต้องการฉีดต้องรออย่างน้อย 3 วัน จนกว่าตัวยาชุดใหม่ที่สั่งซื้อจะมาถึง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่คลินิกเลเซอร์ด้านความงามอีกแห่ง บอกว่า หากต้องการเห็นผลเร็ว สามารถฉีดได้เลย 2 เข็มพร้อมกัน ราคาเข็มละ 2,200 บาท

ด้านแพทย์ประจำคลินิกศัลยกรรมความงามชื่อดังอีกแห่งหนึ่ง อ้างว่า การฉีดสาร

กลูตาไธโอน เป็นเหมือนการฉีดโปรตีนเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือด ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย นอกจากผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด ความดัน หรือโรคหัวใจ หากฉีดประมาณ 5 เข็ม จะช่วยให้ผิวขาวใสได้ยาวนานถึง 6 เดือน แต่ต้องมีการดูแลรักษาผิวโดยทาโลชั่นเพิ่มเติม ตอนนี้วัยรุ่นกำลังฮิตมาก มาฉีดวันละหลายราย ส่วนลูกค้าใหม่ที่มาลองฉีดเข็มแรกแล้วเห็นผล ก็มาขอฉีดซ้ำอีก

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังตรวจสอบตามเว็บไซด์ซื้อขายสินค้า พบว่า หลายเว็บไซด์มีผู้นำสารกลูตาไธโอนในลักษณะของยาฉีดมาประกาศขาย อ้างว่า นำเข้าโดยตรงจากต่างประเทศ เช่น เยอรมนี อิตาลี โดยตั้งราคาขายชุดละ 3,800 บาท ซึ่งชุดหนึ่งจะมีสารกลูตาไธโอน 600 มิลลิกรัม จำนวน 10 หลอด นอกจากนี้ ยังมีผู้มาประกาศขอซื้อสารกลูตาไธโอนที่มีปริมาณหลอดละ 3,000 มิลลิกรัมด้วย โดยอ้างว่า ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน ได้ฉีดในปริมาณสูงถึง 3,000 มิลลิกรัมอย่างต่อเนื่อง

สรุปและวิพากษ์วิจารณ์

อันตรายจากสารกลูตาไธโอนในสารฉีดผิวขาว สารกลูตาไธโอน (Glutathione)  เป็น Tripeptides ของกรดอะมิโน 3 ตัวคือ Glycine, Cysteine, Glutamic acid ซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ และมีในอาหารหลายชนิด เช่น นม ไข่ ผลอะโวกาโด มะเขือเทศ สตรอเบอร์รี่ บรอคโคลี และผักโขม

กลูตาไธโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ช่วยการทำงานของตับในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ปัจจุบัน มีการวิจัยเกี่ยวกับการนำสารกลูตาไธโอนมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคพาร์กินสัน โรคตับ โรคไต โรคเอดส์ ภาวะเป็นหมันในเพศชาย และภาวะหูตึงจากเสียงดัง
ในทางการแพทย์ ใช้สารกลูตาไธโอนเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ปกติแพทย์จะใช้ในปริมาณเพียง 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง โดยนำไปผสมกับสารตัวอื่นๆ ก่อน แต่ยังไม่แนะนำให้สตรีมีครรภ์หรือสตรีที่กำลังให้นมบุตรรับสารตัวนี้ โดยไม่ปรึกษาแพทย์

ปัจจุบัน การฉีดสีผิวให้ขาว ด้วยสารกลูตาไธโอน กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น คลินิกเสริมความงามหลายแห่ง ลักลอบนำสารกลูตาไธโอนจากต่างประเทศมาผสมกับวิตามินซี ใช้เป็นสารฉีดสีผิว มีการโฆษณาชวนเชื่อว่า เมื่อฉีดแล้วทำให้มีผิวขาวกระจ่างใส ไร้รอยด่างดำ ไม่เป็นอันตราย คล้ายกับเป็นการดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย โดยใช้ในปริมาณสูงถึง 600-1,000 มิลลิกรัมต่อครั้ง และต้องฉีดติดต่อกันเป็นเวลากว่า 3 เดือน<br />

สารตัวนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายจริงในต่างประเทศ และจัดว่าปลอดภัย หากใช้ในการควบคุมดูแลของแพทย์ โดยสารกลูตาไธโอนที่อยู่ในกลุ่มของยากินนั้น ในต่างประเทศมีขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วไป  สำหรับในประเทศไทย สารกลูตาไธโอนเป็นส่วนผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ แต่สารกลูตาไธโอนที่อยู่ในรูปยาฉีดนั้น ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยาจัดเป็นสารที่มีอันตรายหากผู้ป่วยแพ้หรือได้รับเกินขนาด อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งคุณสมบัติของสารดังกล่าว ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อฉีดให้ผิวขาวแต่อย่างใด

องค์การอาหารและยา จึงเตรียมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกกวาดล้างจับกุมคลินิกเสริมความงามที่นำสารกลูตาไธโอนมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง โดยมีความผิดตามมาตรา 38 พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และหากยังมีการโฆษณาอยู่ จะมีโทษปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยกเลิกการโฆษณา ทั้งนี้ ยังมีการเตือนกลุ่มวัยรุ่น ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่า สามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้นเพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร อาจช่วยได้เพียงชั่วคราว ซึ่งการฉีดสารดังกล่าว ร่างกายจะขับออกมาร้อยละ 50 ภายในเวลา 7 นาที และส่วนที่เหลือจะถูกขับออกจากร่างกายภายในเวลา 40 นาที สารจะใช้เวลาอยู่ในร่างกายน้อยมาก จึงต้องมีการฉีดสารบ่อยๆ เพื่อให้ผิวขาวนานขึ้น แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยา ร่างกายก็จะผลิตเม็ดสีตามปกติ ไม่มีผลกับโครงสร้างใดๆ ของผิว และการฉีดยาเข้าเส้นเลือดนั้น มีอันตรายมาก ผู้บริโภคที่ได้รับการฉีดสารกลูตาไธโอนอาจเกิดอาการแพ้ยา ทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้

วิธีแก้ไข

1.องค์การอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบคลินิกเสริมความงาม ไม่ให้มีการใช้สารกลูตาไธโอน หรือสารอื่นที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หากพบว่ามีการใช้สารต้องห้าม ควรมีการลงโทษตามกฎหมาย

2.แพทยสภา ควรออกบทลงโทษแพทย์ที่ใช้สารกลูตาไธโอนรักษาผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต
3.มีการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับการใช้ยาและการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง ปลอดภัย

4.ประชาชนควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการใช้ยา ประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงของยาอย่างสม่ำเสมอ

5.ไม่หลงเชื่อคำโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง ควรมีการตรวจสอบ หาข้อมูลก่อนทุกครั้ง

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง