เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

อย.ทลายแหล่งขายเครื่องสำอางต้องห้าม-ยาสัตว์อันตราย

"บุกจับ ย่านบางบอน"

อย. พร้อมตำรวจบุกตรวจร้านค้าขายส่ง เครื่องสำอางต้องห้ามย่านบางบอน จากการตรวจสอบพบเครื่องสำอางหลายยี่ห้อ เช่น ทรีเดย์ ว่านนางพญาหน้าขาว ครีมวินเซิร์ฟ ฯลฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีเครื่องสำอางมีสารอันตราย ส่วนร้านขายยาสัตว์พบยาไม่มีเลขทะเบียนจำนวนมาก เช่น ยาหยอดหู โลชันรักษาขี้เรื้อน ฯลฯ เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.วุฒิชัย บุษปะบุตร รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ร่วมแถลงข่าวการตรวจจับร้านค้าขายส่งเครื่องสำอางต้องห้ามว่า เจ้าหน้าที่ อย. ได้ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 11/377 ซอยเอกชัย 94 แยก 7 ถนนเอกชัย-บางบอน กรุงเทพฯ ตามหมายเลขศาลแขวงธนบุรี ที่ 89/2549 เนื่องจาก อย.ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่าบ้านดังกล่าวมีการจำหน่ายเครื่องสำอางที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเครื่องสำอางอันตราย 74 ยี่ห้อ ที่ อย. ได้ประกาศเตือนไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2549 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่ามีการจำหน่ายเครื่องสำอางหลายยี่ห้อ เช่น ทรีเดย์ วินเซิร์ฟ สมุนไพรแตงกวาคิวทู ครีมไข่มุก ว่านนางพญาหน้าขาว ว่านนางพญา โรส แพนบี เพิร์ลครีม ป็อบ และพรีม มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท โดยมีนายสมภพ รุ่งโรจน์กิตติกุล อายุ 40 ปี เป็นเจ้าของบ้าน

พบ!! สารไฮโดรควินโนน กรดเรทิโนอิก

จากผลการตรวจวิเคราะห์เครื่องสำอางดังกล่าวพบสารห้ามใช้ ได้แก่ ไฮโดรควิโนนและกรดเรทิโนอิก โดยไฮโดรควิโนนทำให้ผู้ใช้เกิดอาการระคายเคือง เกิดจุดด่างขาวที่หน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย ส่วนกรดเรทิโนอิก ทำให้เกิดอาการหน้าแดงแสบร้อนรุนแรง เกิดการอักเสบ ผิวหน้าลอกอย่างรุนแรง และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2549 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ อย. และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 92/104-106 ซอยเพชรเกษม 116/5 ถนนเพชรเกษม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เนื่องจากได้สืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่เก็บและจำหน่ายสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันและยาที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา ซึ่งมีนางจิตตรัตน์ รุ่งเช้า ได้รับว่าเป็นเจ้าของอาคาร  จากการตรวจสอบพบว่ามีการขายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยาจริง ทั้งหมดเป็นยาสัตว์ ได้แก่ ยาหยอดหูท๊อฟฟี่ (TOFFY EAR DROPS) จำนวน 175 ขวด  โลชันรักษาโรคขี้เรื้อนสุนัข JENNY MANGE TREATMENT LOTION จำนวน 120 ขวด ขี้ผึ้งรักษาโรคผิวหนัง ขี้เรื้อนและเชื้อราต่างๆ (CANDY DERMA OINTMENT) จำนวน 131 ขวด สเปรย์รักษาแผลและผิวหนัง (TOFFY VIOLET SOLUTION SPRAY) จำนวน 170 ขวด โลชันรักษาโรคขี้เรือนสุนัข JENNY CANINE MANGE TREATMENT LOTION จำนวน 38 ขวด และโลชันรักษาโรคขี้เรือนสุนัข CANDY MANGE TREATMENT LOTION จำนวน 30 ขวด

พบ 74 ยี่ห้อ!!!!

เลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ อย. จะดำเนินการตามกฏหมายทั้ง 2 รายการทันที โดยกรณีแรกเป็นการจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับกรณีที่ 2 เป็นการขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ขายมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท "อย. ได้ติดตามตรวจสอบแหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง และร้านขายยาในท้องตลาดอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามการดำเนินการอาจยังไม่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ เนื่องจากเป็นการยากที่เจ้าหน้าที่จะเข้าถึงได้ ดังนั้นหากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่าสถานที่ใดผลิตหรือขายเครื่องสำอางและยาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เหมือนเช่น 2 รายนี้ ให้โทรมาแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 เพื่อจะได้ดำเนินการกวาดล้างผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทันที ส่วนรายชื่อ เครื่องสำอางทั้งหมด 74 ยี่ห้อ สามารถเข้าดูได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือใช้เครื่องโทรสารโทรมาที่ สายด่วน อย. 1556 เมื่อระบบแจ้งบริการหลัก ให้เลือกกด 3 เข้าสู่บริการ "ต้องการรับคู่มือหรือเนื้อหาทางโทรสาร" จากนั้นกดรหัส 0303 และเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากเครื่องโทรสารให้ผู้ใช้บริการกดปุ่ม Start ที่เครื่องโทรสารของตนเอง และรอรับข้อมูลได้ทันที" เลขาธิการฯ กล่าว

สรุปปัญหาและวิธีการแก้ไข               จากเนื้อหาของข่าว การตรวจสอบร้านค้าขายส่งเครื่องสำอางและร้านขายยาสัตว์ ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์สุขภาพที่วางขายอยู่ในท้องตลาดยังไม่สามารถการันตีความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามข่าวสังเกตได้ว่าการตรวจสอบครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภค แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่หน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่จะต้องเป็นฝ่ายรุกในการดูแลและคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ตัวผู้บริโภคมีสิทธิ์ มีเสียง และมีส่วนเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองดูแลสวัสดิภาพการบริโภคของตัวเอง

มาตรการส่งเสริมการบริโภคอย่างปลอดภัยที่ดีที่สุดควรเริ่มจากตัวผู้บริโภคเอง การศึกษาถึงที่มา องค์ประกอบ ตลอดจนสารเคมีที่เป็นส่วนผสมในสินค้าที่ต้องการซื้อ ทั้งของใช้ ยา อาหาร หรือเครื่องสำอาง เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่จำเป็นและไม่ควรละเลยก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า การอ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ กรณีอาหารและยาควรได้รับการรับรองจากอย. หรือการศึกษาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ก่อนการซื้อตามสื่อต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต หนังสือ นิตยสาร เป็นต้น อาจทำให้เสียเวลาไปบ้าง แต่ก็คุ้มค่ากับการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจริงๆ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ไม่มีโรคภัยและการสูญเสียเป็นของแถม

นอกจากนี้สถานที่จำหน่ายสินค้าก็มีความสำคัญเช่นกัน ผู้บริโภคควรสังเกตร้านค้าว่าน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ถูกสุขลักษณะหรือไม่ ควรเลือกซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่ดูสะอาด ปลอดภัย และเปิดเผย

สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกประการ คือการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์ผู้บริโภค&nbsp; นักวิทยาศาสตร์อาจตรวจพบสารอันตรายที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆตามท้องตลาดได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเมื่อมีการค้นพบสารอันตรายแล้วหน่วยงานของรัฐจะดำเนินการระงับการจำหน่ายสินค้าทันทีก็ตาม แต่การดูแลมักไม่ทั่วถึงในเวลาอันสั้น ถ้าผู้บริโภครับข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยอยู่เสมอก็จะช่วยให้รู้แนวทางการเลือกซื้อสินค้าและบริการต่างๆได้รวดเร็วขึ้น ไม่พลาดพลั้งไปบริโภคสินค้าอันตรายที่อาจตกค้างอยู่ตามท้องตลาด เนื่องจากมักมีการนำเสนอความรู้เกี่ยวกับผลกระทบร้ายแรงที่เกิดจากสารเคมีเหล่านั้นมากับข่าวเสมอ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจไม่บริโภคสินค้านั้นๆได้ง่ายขึ้น เพราะบางครั้งถึงแม้จะมีการประกาศห้ามจำหน่ายสินค้าอันตรายใดๆไปแล้ว แต่ผู้ประกอบการบางรายที่ฉวยโอกาสก็อาจจะนำสินค้าเหล่านั้นมาลดราคาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์อย่างทุจริตกับผู้บริโภคก็เป็นได้<br />

ราคาที่ลดลงเพียงไม่กี่บาทเทียบไม่ได้เลยกับการสูญเสียในสวัสดิภาพการบริโภค ที่ส่งผลกระทบทั้งทางทรัพย์สินซึ่งอาจต้องเสียเพิ่มอีกมากมาย ร่างกาย ที่อาจจะเปลี่ยนไปจนไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และแน่นอนที่สุด จิตใจ ผลกระทบสุดท้ายที่มักเรื้อรัง ซึ่งโยงใยมาจากปัญหาในทุกๆด้าน

สายด่วน อย.1556 ตัวเลข 4 หลักซึ่งจำง่ายจนแทบจะไม่ต้องจำ คงไม่ยากเกินไปสำหรับผู้บริโภคที่ควรจะนึกถึง และใช้บริการได้เสมอ เมื่อมีปัญหาในการบริโภคอาหาร ยา เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพใดๆ การดูแลของรัฐเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ต้องต่อเนื่อง และหยุดไม่ได้ แต่การเข้าถึงทุกพื้นที่ ทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงและตรงจุด จำเป็นต้องอาศัยปากเสียงของผู้บริโภคอยู่เสมอ เมื่อพบเห็นหรือสงสัยว่าสถานที่ใดผลิตหรือขายเครื่องสำอางและยาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้โทรมาแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 เพื่อจะได้ดำเนินการกวาดล้างผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทันที การโทรแจ้งแม้จะไม่มีวัตถุสิ่งของตอบแทน แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยในการบริโภค อันจะนำมาซึ่งสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แล้ว รางวัลใดๆก็แลกไม่ได้