ร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการปรับสัญญาเพื่อลดค่างวด โดยการขยายเวลาผ่อนชำระ เนื่องจากข้าพเจ้าได้ข้อความจากธนชาต เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว และวันที่ 17 มิถุนายน 2563ก่อนการลงทะเบียนได้มีการสอบถามเข้าไปยังเจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อทราบละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ซึ่งทางเราก็ได้สอบถามไปในเบื้องต้นแล้วว่า ค่างวดดังกล่าวที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ไปค่างวดสุทธิแล้วหรือไม่ ยอดดังกล่าวไม่มีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มเข้ามาอีกใช่หรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ในเบื้องต้นว่า เป็นยอดสุทธิรวมทุกอย่างแล้ว
เราจึงได้ทำการลงทะเบียนผ่านทางลิงค์ที่ให้มาใน sms ซึ่งในลิงค์ดังกล่าวได้มีการให้กรอกเลขที่สัญญาเช่าซื้อพร้อมด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งหน้าต่อไปของลิงค์ดังกล่าวจะมีแผนให้ลูกค้าสามารถเลือกรับแผนได้ด้วยตนเองในเบื้องต้นซึ่ง แผนที่ข้าพเจ้าได้รับในลิงค์ดังกล่าวมีทั้งหมด 3 แผน ประกอบด้วย
แผนที่ 1 ระยะเวลาการผ่อนชำระ 72 งวด อัตราดอกเบี้ย 2.89% ค่างวดต่อเดือน 7,321.00 บาท
แผนที่ 2 ระยะเวลาการผ่อนชำระ 84 งวด อัตราดอกเบี้ย 2.99% ค่างวดต่อเดือน 6,467.00 บาท
และแผนที่ 3 ระยะเวลาการผ่อนชำระ 96 งวด อัตราดอกเบี้ย 3.09% ค่างวดต่อเดือน 5,836.00 บาท
ซึ่งเราได้ทำการเลือกแผนที่ 3 ไปในเบื้องต้น
และต่อมาวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ได้มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงติดต่อเข้ามา(คาดว่าน่าจะเป็นเบอร์นี้ 091-818-1770) เพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว และเอกสารที่จะต้องใช้ในการทำสัญญาใหม่ และได้ทำการนัดเวลาที่จะเข้ามาตรวจสอบรถยนต์คือวันที่ 22 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
และต่อมาในวันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน 2563 (เบอร์โทร 083-095-1855) เวลาโดยประมาณ 11.20 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง แจ้งว่าโทรจากธนาคารธนชาต จะขอนัดเข้ามาทำสัญญาการปรับลดค่างวดรถยนต์ให้กับลูกค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่รายนี้ ไม่น่าจะใช่คนเดียวกันกับผู้หญิงวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ที่โทรเข้ามาก่อนหน้านี้ เพราะเราสอบถามข้อมูลไปเหมือนไม่ค่อยทราบข้อมูลที่เราได้กรอกไว้ผ่านทางเว็บไซต์แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก้ได้มีการนัดเพื่อที่จะเข้ามาทำสัญญาค่างวดรถใหม่ คือวันที่ 22 มิถุนายน 2563 นัดไว้ ไม่เกิน 12.00 น. แต่ในวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ได้มีการโทรมาเพื่อเลื่อนเวลาเข้าพบเป็นไม่เกิน 15.00 น.ของวันนั้น
เมื่อได้มาเข้าพบแล้วมีการถ่ายรูปรถพร้อมด้วยตรวจสอบเอกสาร และอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับค่างวดรถ ซึ่งในขั้นตอนนี้ที่มีปํญหาคือค่างวดรถที่เราได้เลือกไว้คือ แผนที่ 3 ระยะเวลาการผ่อนชำระ 96 งวด อัตราดอกเบี้ย 3.09% ค่างวดต่อเดือน 5,836.00 บาท โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเนื่องจากหากรวมกับสัญญาเดิมของลูกค้าจะส่งผลให้เกิน 120 งวด ซึ่งในส่วนที่ทำไม่ได้จึงของปรับลดลงมาที่ 84 งวด ซึ่งในส่วนนี้เรารับได้และเข้าใจ
แต่ที่รับไม่ได้คือรายละเอียดค่างวดภายในของตัวนี้ค่างวดต่อเดือนไม่ตรงกันกับที่โปรแกรมในแผนที่ทางธนาคารธนชาต ส่งลิงค์มาให้เราลงทะเบียน ซึ่งตามความเป็นจริงหากลดค่างวดลงมาอยู่ที่ 84 งวด จะต้องไปเข้ารายละเอียดในแผนที่ 2 ตามโปรแกรม คือ แผนที่ 2 ระยะเวลาการผ่อนชำระ 84 งวด อัตราดอกเบี้ย 2.99% ค่างวดต่อเดือน 6,467.00 บาท แต่เจ้าหน้าที่ของธนาคารธนชาต ที่เข้ามาวันนี้ เป็นการเสนอระยะเวลาผ่อนชำระ 84 งวด อัตราดอกเบี้ย 2.99% ซึ่งรายละเอียดเบื้องต้นของตัวนี้ตรงกับแผนที่ 2 ทั้งหมด แต่ๆ ค่างวดต่อเดือนที่เจ้าหน้าที่เสนอมานั้นอยู่ที่ 7,193.00 บาท จำนวน 84 งวด ซึ่งแตกต่างจากที่เราเห็นในโปรแกรมตามลิงค์ที่ธนาคารส่งมาให้เป็นอย่างมาก
เราจึงได้ทำการคำนวณให้เจ้าหน้าที่ดูว่า ยอดที่เจ้าหน้าที่เสนอมานั้นมันถูกต้องแล้วหรือ เพราะตามสัญญาเดิมแล้วนั้น เงินต้นของเราคงเหลือเพียง 419,XXX บาท และดอกเบี้ย 47,XXX บาท รวมเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย อยู่ที่ 466,893.00 บาท หากนำยอดดังกล่าวมาคำนวณหาอัตราค่างวดต่อเดือนใหม่นั้น ควรจะอยู่ที่จำนวนดังนี้
ยอดจัดใหม่ = 466,893.00
อัตราดอกเบี้ย = 2.99%
ระยะเวลาการผ่อนชำระ 84 งวด หรือ 7 ปี
จากยอดดังกล่าวจะเห็นว่า เมื่อเอายอดเงินต้น 466,893.00อัตราดอกเบี้ย 2.99%จำนวนปี 7 ปี
เราจะได้ยอดดอกเบี้ยทั้งหมดตลอดระยะเวลาตามสัญญาใหม่ = 97,720.7049 บาท
ดังนั้น ยอดหนี้ใหม่ทั้งหมดของเราเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วจะอยู่ที่ 466,893.00+97,720.7049 = 564,613.7049 บาท
นำยอดดังกล่าว 564,613.7049 หารด้วยจำนวนงวด 84 งวด = 6,721.59 บาท เท่านั้น หากยอดเป็นไปตามนี้เราสามารถยอมรับได้ แต่ยอดที่ทางเจ้าหน้าที่เสนอมานั้น สูงกว่ายอดนี้มากเราจึงสอบถามว่าเพราะเหตุใดยอดที่ทางเจ้าหน้าที่คำนวณออกมาถึงอยู่ที่ 7,193.00 บาท/ 84 งวด เราได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าเนื่องจากทางธนาคารได้นำยอดผ่อนชำระต่อเดือนที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น มาคูณกับภาษีมูลค่าเพิ่มอีกครั้ง จึงส่งผลให้ค่างวดต่อเดือนเพิ่มสูงขึ้น จากการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเดือนจากยอด 6,721.59*7% = 470.51 บาท/เดือน หากรวมระยะเวลาตลอดสัญญาแล้วเราจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพื่มให้กับธนาคารอีกจำนวน 39,522.84 บาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมากๆ (ซึ่งเราก็ได้ทำการสอบถามกลับไปอีกว่า ยอดเงินที่เหลืออยู่ของเรานั้นเงินต้น+ดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมนั้นที่ยอด 466,893.00 บาท มันคือยอดสุทธิที่ได้มีการรวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้วก่อนหน้านี้ตามราคารถสุทธิที่เราได้จ่ายชำระไป ซึ่งธนาคารไม่สมควรที่จะนำยอดดังกล่าวมาคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นการผลักภาระมาให้ลูกค้าจนน่ารังเกียจ และเป็นการเอาเปรียบต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก) เราจึงไม่สามารถยอดรับเงื่อนไขดังกล่าวจากทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารธนชาตในครั้งนี้ได้ เพราะเรามองว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของรถยนต์คันนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว และเราได้ทำการจ่ายชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆมาจนยอดหนี้รวมทั้งหมดทั้งเงินต้นมูลค่า+ดอกเบี้ย ก็คือยอดที่มีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มมาก่อนนี้แล้ว มันไม่สมควรที่จะนำมาคิดอีกครั้งหนึ่งซึ่งมันซ้ำซ้อนและน่ารังเกียจจนเกินไป อย่างไรแล้ว ข้าพเจ้าก็อยากได้รับคำชี้แจ้งจากธนาคารธนชาต ว่าธนาคารธนชาต มีนโยบายและผลักภาระให้ผู้บริโภคซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้หรือ และหากคนนั้นไม่ใช่เราที่พวกจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการคิดคำนวณตัวเลขต่างๆนี้ ลูกค้าของธนาคารที่ต่างพากันเซ็นต์รับเงื่อนไขตามสัญญาใหม่นี้ เขาจะทราบรายละเอียดจริงๆหรือไม่ว่าเขาโดนคิดภาษีมูลค่าเพิ่มซ้ำและซ้ำอีก แล้วเหตุใดโปรแกรมที่ส่งให้ตามลิงค์ใน sms รายละเอียดค่างวดต่างๆเหล่านั้นจึงได้ผิดเพี้ยนไปจากโปรแกรมที่ทางธนาคารได้จัดส่งมาให้ทางลูกค้ารับทราบ แบบนี้ข้อมูลใดกันแน่ที่จะสามารถเชื่อถือได้ แม้ขนาดตัวธนาคารเองพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของธนาคารยังไม่ข้อมูลไม่ถูกต้องตรงกัน ซึ่งเราได้สอบถามไปว่าแล้วเหตุใดในลิงค์ที่ให้ลงทะเบียนค่างวดต่อเดือนถึงไม่ตรงกับที่เจ้าหน้าที่คิดซึ่งอัตราดอกเบี้ยก็เท่ากัน เงินต้น+ดอกเบี้ยก็เท่ากัน ขอความชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย ขอบคุณครับ