เรียน สำนักงาน สคบ
ผม นพ.ประสิทธิ์ วุฒิสุทธิเมธาวี เป็นแพทย์ปฏิบัติงานที่ รพ. สงขลานครินทร์ ผมได้เข้าใช้บริการที่โรงแรมหรรษาเจบี เมื่อวันที่ 15-17 สิงหาคม 2559 คือการจัดงานแต่งงาน
โดยมีการจองล่วงหน้ามากกว่า 6 เดือนและมีข้อตกลงด้วยวาจากับ sell ตั้งแต่วันจองห้อง ในการนี้ได้ทำการวางมัดจำ 10,000 บาท โดยต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม 2559 ผมได้ทำการจ่ายด้วยบัตรเครดิตอีกประมาณเกือบ 400,000 บาท ตามราคาที่ตกลงไว้ ปรากฏว่าบริเวณที่จะใช้เป็นพื้นที่จัดงานแต่งงาน โดยเฉพาะบันไดทางขึ้นสู่หห้องที่จะจัดเป็นงานเลี้ยงมีการปรับปรุงซ่อมแซม มีอุปกรณ์ต่างๆวางไว้เกะกะ มีอุปกรณ์บางส่วนวางอยู่ในพื้นที่ที่ตกลงไว้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน รวมทั้งการจัดวางไม่สวยงาม โดยไม่ได้รับการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด ในวันนั้นจึงได้คุยกับ sell และตกลงด้วยวาจาว่า จะทำการหยุดซ่อมแซมรวมทั้งมีการปรับปรุงให้สวยงามภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2559
ต่อมาวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ผมได้เข้าพักในโรงแรมและทำการตรวจสอบสถานที่จัดงานแต่งงานประมาณ เวลา 14.00 น. ปรากฏว่ายังมีการปฏิบัติงานและอุปกรณ์ทุกอย่างวางไว้เกะกะ ไม่สามารถดำเนินการจัดวางอุปกรณ์สำรหบัจัดงานแต่งงานได้ รวมทั้งการเป็นภาพที่ไม่สวยงาม อย่างไรก็ตามได้คุยกับ sell เพื่อให้หยุดการทำงานรวมทั้งทำการปรับปรุงสถานที่ให้ได้ตามที่ตกลงไว้ และขอคุยกับผู้จัดการ ปรากฏว่ารอประมาณ 30 นาที ไม่สามารถคุยกับผู้จัดการได้ ไม่มีการจัดหมายเวลาที่ชัดเจน บอกแค่เพียงว่ายังไม่ว่าง ผมจึงไปทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อมาประมาณ 1 ชม. มีการติดต่อให้คุยกับหัวหน้าฝ่ายขายที่โต๊ะพนักงานรับกระเป๋า ด้านหน้าโรงแรม ระหว่างคุยกันหัวหน้าฝ่ายขายแสดงกิริยาที่แสดงถึงความไม่มีมารยาท และไม่เคารพผู้ร่วมสนทนา โดยการรับโทรศัพท์จากแขกท่านอื่นพร้อมทั้งมีการสนทนากันอย่างน้อย 10 นาที ระหว่งนั้นผมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ผนวกกับความกดดันจากสภาพของสถานที่จัดงาน เนื่องจากมีความตั้งใจที่จะจัดงานให้ได้ดีที่สุด เมื่อได้รับการแสดงกิริยาที่ไม่มีมารยาทเช่นนั้น ผมจึงเดินออกมาจากการพูดคุย เพื่อไปทำกิจกรรมอื่นๆ (ท่านคงเข้าใจว่าสันนั้นมีความวุ่ยวายเพียงใดในการเตรียมจัดงานแต่งงาน) ต่อมาประมาณ 30 นาทีจึงได้มีการติดต่อเพื่อให้มีการพูดคุยกับหัวหน้าฝ่ายขายอีกครั้ง ผมจุงเข้าไปพูดคุย ณ สถานที่เดิม ก่อนการสนทนาได้รับการแสดงกิริยาที่คิดว่าไม่สมควรเกิดขึ้นกับบุคคลระดับหัวหน้าฝ่ายหรือผู้ใหญ่ที่มีวัยวุฒิเช่นนั้น คือการยื่นโทรศัพท์ให้ลูกน้องต่อหน้าผมพร้อมทั้งมีการกล่าวคำพูดและน้ำเสียงประชดประชันทำนองว่า " ทีหลังอย่าให้มีโทรศัพท์มาระหว่างคุย" ผมได้แต่พยายามสงบสติอารมณ์และคิดว่าให้งานจบๆเพราะพรุ่งนี้จะถึงวันแต่งงานแล้ว และได้ยื่นข้อเสนอว่า ให้มีการหยุดการซ่อมแซม พร้อมทั้งมีการตกแต่งสถานทีให้เหมาะสมกับงานแต่งงาน และจบการสนทนา ต่อมามีการตกแต่งสถานที่และหยุดการซ่อมแซม
วันที่ 17 สิงหาคม 2559 ผมได้ทำการ check out และรับทราบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และได้แจ้งพนักงานบัญชีว่า ผมต้องการพูดคุยกับเจ้าของโรงแรม เนื่องจากผมไม่พอใจจากการได้รับบริการดังกล่าว และแจ้งว่าผมไม่ขำระค่าบริการที่เกิดขึ้นจนกว่าจะได้พดคุยกับเจ้าของโรงแรม วันนั้นผมได้รับบคำตอบว่า " เจ้าของโรงแรมไปต่างประเทศ จะแจ้งให้ทราบและนัดหมายให้" ผมรับทราบและแจ้งว่าให้ติดต่อมาได้เลยพร้อมยื่นนามบัตรให้
หลังจากวันที่ 17 สิงหาคม 2559 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2559 ผมได้รับการติดต่อจากหัวหน้าฝ่ายขาย 1 ครั้งและฝ่ายบัญชีอีกหลายครั้งเพื่อทวงหนี้ โดยไม่เคยได้รับการติดต่อจากเจ้าของโรงแรมหรือการนัดหมายเพื่อพูดคุยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในบทสนทนาผมยังคงเจตนารมณ์และยื่นข้อเสนอเดิม คือ ผมจะทำการชำระเงินต่อเมื่อได้พูดคุยกับเจ้าของโรงแรมก่อนเท่านั้น"
ต่อมาวันที่ 7 ตุลาคม 2559 ผมได้รับจดหมายจากทนาย ให้ไปทำการชำระเงินภายใน 7 วันมิเช่นนั้นจะดำเนินการตามกฏหมาย
ผมมีข้อสงสัยและขอหารือในประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. กรณีเช่นนี้ผมไม่สามารถพูดคุยกับเจ้าของกิจการได้เลยใช่ไหม ต้องยินยอมชำระค่าบริการทั้งที่ได้รับการบริการที่แย่ขนาดไหน
2. เหตุการณ์ดังกล่าวระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2559 ก่อให้เกิดความไม่สบายใจทั้งผมและแฟน รวมทั้งเกิดการทะเลาะกัน จนเกือบยกเลิกการแต่งงานในวันรุ่งขึ้น หากผมต้องยกเลิกการแต่งงานโดยมีสามเหตุส่วนหนึ่งจากบริการที่แย่จากโรงแรม ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ผมสามารถเรียกร้องอะไรได้ไหม
3.กรณีดังกล่าวรวมทั้งใบแจ้งจากทนาย ก่อให้เกิดความไม่สบายใจซึ่งสงผลต่อการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติงาน ผมต้องการทราบว่ากรณีเช่นนี้ ผมขอเรียกร้องค่าทำขวัญได้ไหม
ขอขอบคุณท่านมา ณ โอกาสนี้สำหรับการรับเรื่องร้องเรียน และหวังว่าจะมีการดำเนินการให้เกิดความยุติธรรมกับผู้รับบริการในอนาคต
นพ.ประสิทธิ์ วุฒิสุทธิเมธาวี โทร 0815400203