เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

ความฝันของหลายคนที่อยากมีผิวขาวใส เหมือนดารา ด้วยการใช้สารคลูตาไธโอน ต้องดับลงทันที เมื่อ ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาประกาศชัดว่า ไม่เคยรับจดแจ้งและขึ้นทะเบียนสารดังกล่าวสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อทำให้สี ผิวขาวขึ้น ดังนั้นทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และนำเข้าสารคลูตาไธโอนมาใช้ในสถานเสริมความงามในประเทศไทย ถือว่าลักลอบนำเข้า และใช้ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา มาตรา 72 (4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่ง อย. เตรียมผนึกกำลังกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกองการประกอบโรคศิลป กระทรวงสาธารณสุข ลงตรวจเข้มสถานเสริมความงามที่ใช้สารดังกล่าว หากพบจะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอย่างจริงจัง ส่วนแพทย์ผู้ใช้สารดังกล่าวมีความผิดชัดแจ้งด้านจริยธรรมวิชาชีพ และผิดฐานให้การรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่ง นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา รักษาการนายกแพทยสภา กล่าวว่า คณะกรรมการจริยธรรมแพทย์กำลังพิจารณาโทษของแพทย์กรณีดังกล่าวว่าร้ายแรงถึง ขั้นต้องยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือไม่

สิ่งที่เกิดขึ้นสั่นคลอนความรู้สึกของผู้ที่เคยใช้สารคลูตาไธโอนอย่าง มาก จนบางรายถึงขั้นยอมตัดใจจากผิวขาวใสกลับไปมีสีผิวที่คล้ำเช่นเดิม ดีกว่าจะปล่อยให้ชีวิตและร่างกายไปเสี่ยงกับสิ่งที่ยังไม่มีข้อบ่งชี้ทาง วิชาการว่า มีผลต่อสุขภาพเช่นไร อย่าง น.ส.โชติมา แก้วกันเนตร ที่กล้ายอมรับว่าเคยพึ่งสารคลูตาไธโอนแบบรับประทาน เม็ดละ 25-50 บาท ซึ่งหาได้ตามร้านขายยาทั่วไป รับประทานวันละ 1 เม็ด เพียง 15 วัน ผิวก็ขาวใสขึ้นทันตา แต่หากหยุดยาเพียง 2 วัน ผิวก็จะกลับมาคล้ำเช่นเดิม

สารคลูตาไธโอน เดิมมีการใช้ในวงการแพทย์สำหรับบำรุงร่างกายผู้ป่วยบางรายที่เพิ่งฟื้นไข้ และช่วยเร่งการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ซึ่งใช้ในปริมาณที่น้อยและอยู่ภายใต้การกำกับของแพทย์ให้เป็นไปอย่างปลอดภัย แต่การใช้ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ กำลังระดมความรู้เพื่อศึกษาผลกระทบของสารดังกล่าวว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตแก่ ผู้ใช้หรือไม่
...แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหา หากทุกคนยอมรับอัจฉริยะของธรรมชาติ ว่าได้สร้างสรรค์เอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก และหยุดความคิดอยากเป็นมนุษย์ก็อบปี้เปลี่ยนเอกลักษณ์ของตัวเองให้เหมือนคน อื่น
สนข.กรมประชาสัมพันธ์ 29-1-52