เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

อยากบอกให้รู้ คิดว่าหลายคนคงยังไม่ทราบ...

เมื่อวันที่14  กรกฏาคมที่ผ่านมา

สภาผู้บริโภคร่วมกับกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ ได้รวมตัวกันจัดเวทีให้ผู้ที่ถูกผลกระทบในเรื่องการจัดเก็บค่าไฟฟ้าระบบใหม่ของการไฟฟ้าฯ ที่มีผลกระพบกับผู้ใช้ไฟและที่เกี่ยวข้อง ณ.โรงแรมไดฮิชิหาดใหญ่

ขอบคุณการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหาดใหญ่ทีให้รองผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายจัดเก็บ
และหัวหน้าคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัด มาร่วมรับฟังข้อร้องเรียนต่าง ๆ จากปัญหาที่หลาย ๆ ท่านนำมาพูดคุยกันในเวที ก็เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟโดยตรง คือต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น คิดว่าคุณก็โดนโดยที่คุณไม่รู้ตัวหรือรู้แล้วก็ช่าง (ข้ารวย) เงินค่าน้ำมันรถ ค่ารถรับจ้าง ค่าบริการฝากให้ผู้อื่นไปชำระแทน

ค่าบริการรับชำระที่ศูนย์บริการต่าง ๆ คิดเพิ่มนอกเหนือจากค่าไฟฟ้าที่จะต้องจ่ายอย่างน้อยบิลละ 10 บาทหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับจุดบริการรับชำระนั้น ๆ และที่หลายคนมองข้ามคือเวลาที่เสียไปกับการเดินทาง กับการไปรอคิวที่ยาวแสนยาวนานนับเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จุดรับชำระค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต่าง ๆ คุณทราบไหมส่วนต่างของเงินที่ที่ท่านต้องเสียเพิ่มขึ้นนั้นใครได้ผลประโยชน์บ้าง

แน่ ๆ คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และรัฐบาลที่ที่มกเม็ดให้การฟ้าจัดเก็บค่าไฟระบบใหม่ เป็นผู้ได้รับส่วนแบ่งนี้ โดยลืมไปว่าสาธารณูปโภคต่างๆรัฐต้องเป็นฝ่ายให้บริการ

ในเวทีวันนั้นก็ยังมีเรื่อง การขอติดตั้งมิเตอร์ใช้ไฟของชุมชนต่าง ๆ ที่การไฟฟ้าไม่พยายามจะดำเนินการให้ เรื่องระยะเวลาของการไปชำระค่าไฟ  เรื่องของการตัดกระแสไฟในใบสั่งและเงินค่าปรับต่าง ๆ ที่การไฟฟ้าเรียกเก็บเพิ่ม  และอีกมากมายที่พูดคุยกัน

แต่ที่โดนใจที่สุดคือมีผู้ถูกผลกระทบได้นำวีซีดีเรื่องอย่าตัดไฟมาฉายให้ดูโดยมีเรื่องราวดังนี้ (เสียดายที่คุณไม่เห็นภาพ )

เริ่มเรื่องป้ายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหาดใหญ่ มีข้อความขึ้น สาธารณูปโภค “รัฐต้องเป็นฝ่ายให้บริการ” แล้วมาถึงตอนมีคนมาเก็บค่าไฟแบบเดิมตามบ้าน ต่อมาก็มีคนนำกล่องอะไรก็ไม่รู้มาติดไว้ที่หน้าบ้าน หลายวันผ่านไปก็มีคนก็มีคนเอากระดาษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มาเสียบไว้ที่กล่อง มารู้ตอนหลังว่าเป็นบิลค่าไฟฟ้าที่ต้องเดินทางไปชำระด้วยตนเองตามจุดรับชำระต่าง ๆ

ภาพดำเนินต่อไปถึงสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีลมกระโชกแรงทำให้บิลค่าไฟที่อยู่ในกล่องปลิวหายไป โดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้ในบ้านหลังนี้มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ โดยมีเครื่องมือทางการแพทย์เป็นตัวควบคุมระบบการหายใจ

หลายวันผ่านไปมีคนมาตัดกระไฟฟ้าที่บ้านหลังนี้ โดยไม่มีการบอกกล่าวให้ทราบมาก่อนผู้ป่วยรายนั้นได้เสียชีวิตลงเพราะถูกตัดไฟ

อย่าให้ต้องบยายอีกเลย...”แล้วใครจะรับผิดชอบ”ตอนท้ายเรื่องมีเสียงคำพูดว่า

“ขอได้ไหมการไฟฟ้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าตัดไฟ”

จากวีซีดีที่ผู้เข้าร่วมดูกันในเวลานั้นนิ่งกันไปพักใหญ่

จนต้องปรับบรรยากาศพักรับประทานอาหารกันก่อนที่จะพูดคุยกันต่อ

จากนั้นข้อเรียกร้องต่างๆก็มีมาเป็นข้อ ๆ คือ 1. ให้การไฟฟ้ากับมาจัดเก็บในรูปแบบเดิม (ถ้าไม่ได้ก็ไห้บุรุษไปรษณีย์เป็นผู้จัดเก็บแทน) 2. ให้ยืดเวลาในการไปชำระค่าไปเป็น15วันหรือหนึ่งเดือน 3. ไม่ว่ากรณีไดๆอย่าตัดไฟให้ไปดำเนินการฟ้องร้องแทน 4. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นการไฟฟ้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง 5. ให้การไฟฟ้าเพิ่มจุดรับชำระให้มากขึ้นกว่าเดิม 6. ให้การไฟฟ้าเปลี่ยนเวลาออกบิลค่าไฟฟ้าใหม่ เดิมออกบิลตอนกลางเดือนให้เป็นออกบิลตอนสิ้นเดือนแทน

และอีกหลายข้อที่ร้องขอไป
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าที่บอกว่าจะนำขอเรียกร้องต่างๆไปเสนอต่อระดับเหนือกว่าขึ้นไปและหวังว่าเรื่องต่างๆเหล่านี้คงไม่เงียบหายไปในอากาศหลอกนะเราจะรอวันเวลาที่ท่านจะตอบกลับมาว่าผลเป็นประการใด
แต่ที่แย่ที่ข้องใจคือเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดที่มาร่วมเวทีในวันนั้นบอกเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคุมครองผู้บริโภคจังหวัด พูดออกมาได้...ทั้งๆที่เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรงที่หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคต้องจัดการให้...แล้วอย่างนี้ชาวบ้านจะไปพึ่งใคร

ผลที่เปิดเวทีขึ้นมาในวันนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
พวกเราสภาผู้บริโภคต้องดำเนินการต่อไปตามลำดับ.....คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ
                                                                                                        จากกลุ่มพิทักษ์สิทธิคุ้มครองผู้บริโภคบ้านพรุ