จากที่มีการจำหน่ายผ้าอนามัยสมุนไพรทางเว็บไซต์อย่างแพร่หลาย บัดนี้แพทย์ผิวหนังได้ออกมายืนยันแล้วว่าผ้าอนามัยสมุนไพร ไม่สามารถรักษาสารพัดโรคได้ อีกทั้งยังมีสารสเตียรอยด์ ซึ่งทำให้ผิวของผู้ใช้อาจติดเชื้อไวรัสได้ ด้านประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคไม่เห็นด้วยกับการใช้ผ้าอนามัยสมุนไพร เพราะเป็นสิ่งไม่จำเป็นและอาจเกิดอันตรายได้
มีให้เลือกมากมายทั้งแบบมีปีก และไม่มีปีก
นายแพทย์ประวิทย์ คีตะบุตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ระบุว่า การโฆษณาของผ้าอนามัยผสมสมุนไพรที่โฆษณาว่าป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบจากโรคริดสีดวงทวาร โดยเป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะส่วนผสมของสมุนไพรดังกล่าวไม่มีส่วนผสมที่สามารถรักษาได้ตามที่กล่าวอ้าง
นายแพทย์ประวิทย์ยังบอกอีกว่า “จากการวิจัยของแพทย์ส่วนใหญ่เรื่องเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสมุนไพร มักจะมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวของผู้ใช้ติดเชื้อไวรัสในระยะยาวได้”
ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภคไม่เห็นด้วยกับการใช้ผ้าอนามัยสมุนไพร เพราะเป็นสิ่งไม่จำเป็นและอาจเกิดอันตรายได้
จากการประกาศจำหน่ายผ้าอนามัยสมุนไพรทางเว็บไซต์ที่อ้างว่านำเข้ามาจากประเทศจีน นางสาวรสนา โตสิตระกูล ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กล่าวว่า การโฆษณาถึงคุณสมบัติต่างๆของผ้าอนามัยสมุนไพร เช่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต บรรเทาอาการอักเสบจากแผลริดสีดวงทวาร เป็นการโฆษณาเกินความเป็นจริง ประกอบกับในช่วงนี้เป็นช่วงที่คนไทยนิยมบริโภคอาหารหรือใช้สินค้าที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร จึงทำให้มีการฉวยโอกาสโฆษณาผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ซึ่งการที่ผู้หญิงหมั่นทำความสะอาด ดูแลร่างกายของตัวเอง และใช้ผ้าอนามัยแบบปกติ ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค เห็นว่า ควรจะมีการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและนำไปใช้จนเกิดอันตราย
โฆษณาลงเน็ตทั่วโลก แนะนำผลิตภัณฑ์หลากหลายแบบ เน้นใช้คำ “ผ้าอนามัยติดแอร์”
ลงโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากส่วนสกัดพืชสมุนไพรธรรมชาติตามสูตรการแพทย์จีนโบราณ ส่วนประกอบหลักประกอบด้วยสมุนไพรธรรมชาติ 5 ชนิด ได้แก่ การบูร สรรพคุณ ดับร้อน ลดอาการบวม ระงับปวด ฆ่าเชื้อช่วยให้ ปลอดโปร่ง หอมชื่นใจ ,สะระแหน่ ให้ความเย็นสดชื่น ระงับปวด แก้คันบรรเทาอาการไม่สบายตัว , ชาเขียว ดับร้อน แก้พิษ ระงับกลิ่น ,ว่านหางจระเข้ ให้ความชุ่มชื้น แก้อักเสบ ดับร้อน และ ต้นหยางน้ำ แก้พิษ ฆ่าพยาธิ ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในประเทศจีน ไม่มีวางขายในท้องตลาด จำหน่วยในรูปเฟรนไชน์และจำหน่ายตรง มีทั้งแบบบาง มีปีก,กลางคืน มีปีก และธรรมดา ไม่มีปีก ราคาเฉลี่ยผ้าอนามัยตกชิ้นละ 8.25 บาท สำหรับแผ่นอนามัยตกชิ้นละ 5.50 บาท หากซื้อยกแพ็คราคาจะอยู่ที่ 165 บาท มีการสมัครเป็นสมาชิกขายตรงสะสมยอด BV
สรุปประเด็นและเสนอแนะโดย นศ.คณะเภสัชศาสตร์ (5110710014)
สรุป
การโฆษณาผ้าอนามันสมุนไพรซึ่งนำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งโฆษณาว่าสกัดสมุนไพรตามสูตรแพทย์จีน ประกอบด้วยสมุนไพร 5 ชนิดคือ การบูร สรรพคุณ ดับร้อน ลดอาการบวม ระงับปวด ฆ่าเชื้อช่วยให้ ปลอดโปร่ง หอมชื่นใจ ,สะระแหน่ ให้ความเย็นสดชื่น ระงับปวด แก้คันบรรเทาอาการไม่สบายตัว , ชาเขียว ดับร้อน แก้พิษ ระงับกลิ่น ,ว่านหางจระเข้ ให้ความชุ่มชื้น แก้อักเสบ ดับร้อน และ ต้นหยางน้ำ แก้พิษ ฆ่าพยาธิ ซึ่งแพทย์ด้านผิวหนัง ได้ออกมายืนยันว่าผ้าอนามัยสมุนไพร ไม่สามารถรักษาโรคต่างๆได้ แต่ยังมีสารสเตียรอยด์ ซึ่งทำให้ผิวของผู้ใช้อาจติดเชื้อไวรัสได้ และได้มีการลงโฆษณาเกินจริง เช่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต บรรเทาอาการอักเสบจากแผลริดสีดวงทวาร ซึ่งผู้บริโภคควรพิจารณาให้ดีก่อนจะซื้อมาใช้
วิธีแก้ไข
สำหรับผู้บริโภคควรพิจารณาก่อนซื้อสินค้าว่าสินค้าดังกล่าวที่มีการอ้างสรรพคุณตามที่โฆษณา มีความปลอดภัย ความเสี่ยงผลที่ตามมามากน้อยเพียงไร ดังเช่นผ้าอนามัยที่อ้างว่ามีส่วนผสมของสมุนไพรที่สามารถแก้อาการต่างๆสารพัดโรค ผ้าอนามัยที่เหมาะสมควรปราศจากสิ่งเจือปน และกลิ่น หากไม่แน่ใจว่าสินค้านั้นมีความปลอดภัยหรือไม่ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐตรวจสอบสินค้าว่าได้มาตรฐาน และดำเนินการหากเจ้าของสินค้านั้นยังคงเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน
ประชาชนก็ควรใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้สินค้า
Relate topics
- กรณีศึกษา อย.เตือนยาคีไตรโซนผิดมาตรฐาน-อันตราย สั่งเก็บทุกสถานพยาบาล
- กรณีศึกษา อย.เผยพบแบคทีเรียปนเปื้อน “น้ำยาบ้วนปากออรัล-บี” เตือน ปชช.ระงับใช้
- กรณีศึกษา สลด!! ว่าที่ "นิสิตเภสัช" ม.มหาสารคาม กินยาลดความอ้วนดับ น้องสาวเผยกลัวใส่ชุดไม่สวย
- กรณีศึกษา สั่งถอนยา "บีเวลล์" แก้เซ็กซ์เสื่อมอาจมีผลข้างเคียงถึงตาย!
- กรณีศึกษา ธนาคารมีสิทธิคิดค่าธรรมเนียมอย่างอื่นนอกเหนือจากดอกเบี้ยหรือไม่