กรณีศึกษา - ผลิตภัณฑ์สุขภาพ

รวบรวมข่าวที่เกิดขึ้นในสังคม พร้อมวิเคราะห์ปัญหา แนวทางแก้ไข

อย.คุม"บิ๊กอายส์" ต้องแพทย์สั่งให้ใช้

photo  , 578x201 pixel , 30,659 bytes.

บิ๊กอายส์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ คงไม่มีใครปฏิเสธเรื่องกระแสเกาหลีฟีเวอร์ได้ ซึ่งผลจากกระแสนี้เองได้ทำให้วัยรุ่นไทยจำนวนมากหันมาแต่งตัวตามแฟชั่นเกาหลีกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และอุปกรณ์ช่วยเสริมความงามต่างๆ ที่เป็นแบรนด์จากเกาหลี ล้วนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และหนึ่งในนั้นก็มี คอนแทคเลนส์ที่ช่วยทำให้ตาของผู้ใส่ดูกลมโตขึ้น หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆว่า บิ๊กอายส์ รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

ปัจจุบันการใส่บิ๊กอายได้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับวัยรุ่นไปเสียแล้ว คนส่วนมากที่นิยมใส่บิ๊กอายส์ ก็อยู่ในวัยนักเรียนนักศึกษากันเกือบทั้งสิ้น ซึ่งหลายๆคนก็สงสัยว่าบิ๊กอายส์ใส่เข้าไปแล้วส่งผลให้เกิดผลอย่างไรบ้างและบิ๊กอายนั้นอันตรายหรือไม่

ผลประการแรกที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อเราใส่บิ๊กอายก็คือ ดวงตาดูกลมโตขึ้น บางคนก็บอกว่าทำให้ผู้ที่ใส่ดูน่ารักขึ้น บางคนก็บอกว่าดูแปลกๆ อันนี้ต้องแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ใส่ย่อมต้องการให้คนรอบข้างมองเป็นแบบแรกมากกว่า ดังที่วัยรุ่นได้เห็นตัวอย่างจากศิลปินดารานักร้อง ที่ตนชื่นชม ต่างลงความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่า บุคคลคนนั้นดูดีขึ้น ตนจึงอยากทำตามบ้าง จึงไปซื้อบิ๊กอายมาใส่เลียนแบบบ้าง

ประการต่อมา ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทุกคนต้องพิจารณา แต่กลับมองข้ามความสำคัญไป คือสุขภาพและสวัสดิภาพของดวงตาของผู้ใส่ ซึ่งทูกคนต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนว่า เดิมทีแต่แรกนั้น คอนแทคเลนส์ถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่เป็นทางเลือกสำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางด้านสายตาแต่ไม่สามารถใส่แว่นได้ การตัดสินใจใส่คอนแท็คเลนส์จึงควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้วชาญด้านตาโดยเฉพาะ ต่อมาก็ได้มีคอนแท็คเลนส์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นเกิดขึ้นตามมา อาทิ เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ มักจะใช้ในกลุ่มผู้ที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาในการประกอบอาชีพ อาทิ ดารา นักร้องและนางแบบ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอนแท็คเลนส์ชนิดใดก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือการระมัดระวังเรื่องความสะอาด เนื่องจาก คอนแท็คเลนส์ต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรง และเป็นระยะเวลานาน หากคอนแท็คเลนส์สกปรกอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน ซึ่งผู้เขียนก็ยอมรับว่าตนเองก็เคยใส่บิ๊กอายส์ และอยากแบ่งปันประสบการณ์นี้ห้ผู้อ่าน ได้อ่านแล้วนำไปคิดหรือพิจารณาให้ดีๆ ก่อนที่จะซื้อมาใส่กัน ก่อนอื่นขอเล่าเกี่ยวกับสาเหตุที่ใส่บิ๊กอายก็คือเห็นดาราใส่แล้วดูดีตนจึงอยากลองบ้าง ซึ่งด้วยการที่ผู้เขียนไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อน จึงทำให้ลำบากมากในการใส่ ลองใส่อยู่หลายครั้งจนกว่าจะเข้า บอกตรงๆว่ารู้สึกแสบตาและเคืองตาเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้เขียนก็คิดในแง่ดีว่า ใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรกใครๆก็คงมีอาการเหมือนกัน แต่พอครั้งต่อๆมาก็ยังมีอาการเช่นเดิมคือรู้สึกเคืองตาจนบางครั้งเผลอขยี้ตาจนตาแดง และรู้สึกแสบตาจนต้องถอดออก และยิ่งพอมาอ่านเจอข้อมูลว่าการใส่บิ๊กอายส์อาจทำให้ตาบอดได้ผู้เขียนจึงเลิกใส่ไปโดยปริยาย เพราะความสวยงามเพียงแค่ชั่ครู่มันไม่คู้มกับที่จะต้องสูญเสียดวงตาที่จะเอาไว้มองเห็นสิ่งที่สวยงามไปตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์จากดารานักแสดงมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านเพิ่มเติม อาทิเช่น เป้ย ปานวาด เหมมณี หนึ่งในลูกค้าบิ๊กอายส์หรือเลนส์ตาโตที่กำลังฮิตกันในหมู่วัยรุ่นขณะนี้ กล่าวว่า ใส่บิ๊กอายส์มาประมาณ 1 ปีแล้ว จะใส่เวลาถ่ายแบบหรือไปงานโชว์ตัว เวลาใส่จะช่วยให้หน้าเปลี่ยนลุกส์ไปจากเดิม ขึ้นอยู่กับสีของบิ๊กอายส์ อย่างเป้ยใส่สีน้ำตาลจะดูเป็นธรรมชาติ และเป็นแบบเลนส์สายตาเพราะเป็นคนสายตาสั้น

ด้านนางเอกสาวชื่อดัง "ชมพู่"อารยา เอ. ฮาร์เก็ต อีกหนึ่งสาวที่ใส่บิ๊กอายส์ กล่าวว่า ได้ยินชื่อเลนส์ตาโตนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งซื้อมาใส่ได้ 3-4 เดือน พอดีพี่ผู้จัดการส่วนตัวแนะนำให้รู้จัก ก่อนซื้อมาใส่ก็พอทราบว่ามันทำให้ตาบอดได้ด้วย จึงเลือกซื้อยี่ห้อดีๆ มาใส่ จริงๆ ลองมาหลายยี่ห้อแล้ว บางอันใส่แล้วไม่สบายตาก็จะไม่ใส่ เคยใส่ยี่ห้อหนึ่งใหญ่มากๆ เคืองตาจนต้องคอยหยอดตาตลอด สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยน หลังจากนั้นจะเลือกพอดีกับความต้องการในการใช้งาน เพราะเราไม่ได้ใส่เป็นแฟชั่น จะใส่เฉพาะเวลาถ่ายแบบหรือถ่ายโฆษณา จะใส่เต็มที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

สุดท้ายดาราสาวฝากเตือนน้องๆ ที่ใส่บิ๊กอายส์เป็นแฟชั่นว่า ไม่อยากให้น้องๆ ตามแฟชั่นมากเกินไป ควรเลือกใส่อย่างมีเหตุผลหรือปรึกษาผู้วชาญก่อนจะซื้อมาใส่ เพราะถ้าเกิดตาบอดขึ้นมาก็จะไม่คุ้มกับทั้งชีวิตที่ต้องเสียไป

ทางด้าน น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขา ธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันมีกระแสแฟชั่นใส่คอนแท็คเลนส์ หรือเลนส์สัมผัส เพื่อความสวยงามที่ทำให้มองเห็นตา กลมโตตามแบบดาราเกาหลีหรือญี่ปุ่นได้ระบาดเข้ามาสู่วัยรุ่นไทยโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิง โดยเลนส์สัมผัสประเภทนี้เหมือนกับเลนส์สัมผัสแฟชั่นที่มีหลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ ซึ่งการใส่เลนส์สัมผัสอย่างไม่ถูกวิธีนั้นอาจมีการแพ้ ติดเชื้อ กระจกตาเป็นแผล อาจทำให้ตาบอดได้

รองเลขาธิการกล่าวว่า เลนส์สัมผัสที่มีวัตถุประ สงค์เพื่อการปรับสายตา เข้าข่ายเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือสำหรับใช้แก้ไขความบกพร่องของร่างกาย จึงจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ 2551 ประเภทเครื่องมือแพทย์ทั่วไป สำหรับเลนส์สัมผัสเพื่อความสวยงาม หรือคอนแท็กต์เลนส์แฟชั่น มีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงาม โดยไม่มีวัตถุประ สงค์ทางการแพทย์ต่อผู้ใส่ จึงไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ อย่างไรก็ตาม อย.ได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเห็นว่าการใช้เลนส์สัมผัสทุกประเภท ทั้งชนิดที่ใช้เพื่อปรับสายตาที่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์และชนิดเพื่อความสวยงามที่ไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ หากนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกัน จึงเห็นควรกำหนดให้มีการควบคุมเลนส์สัมผัสทุกประเภทเป็นเครื่องมือแพทย์ควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น

"ขณะนี้ได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องเลนส์สัมผัส เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสทุกประเภทในระดับที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก อย.รวมทั้งต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการเสนอร่างประกาศฉบับดังกล่าวให้คณะกรรม การเครื่องมือแพทย์พิจารณาในวันที่ 17 ธันวาคมศกนี้ และเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี เพื่อลงนาม ประกาศใช้ต่อไป" น.พ.พงศ์พันธ์กล่าว

รองเลขาธิการกล่าวว่า สำหรับผู้ที่คิดจะใส่เลนส์ สัมผัสควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์หรือผู้วชาญเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ และเพื่อได้รับเลนส์ที่มีขนาดโค้งที่ถูกต้องเหมาะพอดีกับตาของผู้ใส่ ไม่ควรไปซื้อเองจากร้านค้าทั่วไป ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดเลนส์ ทั้งการล้าง แช่ เก็บ และก่อนสวมใส่ ทุกขั้นตอนต้องสะอาด เพราะถ้าเลนส์สกปรกมีเชื้อโรคทำให้ตาอักเสบได้ ไม่ควรใส่ขณะว่ายน้ำ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเลนส์สัมผัสแฟชั่นยิ่งต้องระวัง เพราะในช่วงที่ยังไม่มีการกำกับดูแลร้านค้าอาจนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่าย ก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ ดังนั้นจึงอยากขอเตือนผู้ที่ใส่หรือคิดจะใส่คอนแทคเลนส์ว่าควรปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อที่จะด้ถนอมดวงตาคู่สวยให้อยู่กับเราตลอดไป

อย.คุม"บิ๊กอายส์" ต้องแพทย์สั่งให้ใช้

อย.จ่อประกาศคุมคอนแท็กต์เลนส์เป็นเครื่องมือแพทย์ เตรียมจัดทำร่างประกาศ เพิ่มความปลอด ภัยแก่ผู้บริโภคในการใช้ทุกประเภท โดยเฉพาะพวก "บิ๊กอายส์" ชี้อายไลเนอร์ผสมน้ำมันเครื่องอันตราย เสี่ยงเกิดมะเร็ง เร่งส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจทั่วประเทศ หากพบผสมสารต้องห้ามฟันทั้งผู้ผลิต-ผู้จำหน่าย ระบุโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขา ธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันมีกระแสแฟชั่นใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือเลนส์สัมผัส เพื่อความสวยงามที่ทำให้มองเห็นตา กลมโตตามแบบดาราเกาหลีหรือญี่ปุ่นได้ระบาดเข้ามาสู่วัยรุ่นไทยโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิง โดยเลนส์สัมผัสประเภทนี้เหมือนกับเลนส์สัมผัสแฟชั่นที่มีหลายสีให้เลือก แต่บริเวณตรงกลางมีลักษณะเป็นเลนส์ใสและบริเวณขอบเลนส์มีสีดำหรือสีเข้มต่างๆ ที่จะทำให้มองเห็นว่าผู้ใส่มีตาดำขยายใหญ่และกลมโตกว่าปกติ ซึ่งการใส่เลนส์สัมผัสอย่างไม่ถูกวิธีนั้นอาจมีการแพ้ ติดเชื้อ กระจกตาเป็นแผล อาจทำให้ตาบอดได้

รองเลขาธิการกล่าวว่า เลนส์สัมผัสที่มีวัตถุประ สงค์เพื่อการปรับสายตา เข้าข่ายเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือสำหรับใช้แก้ไขความบกพร่องของร่างกาย จึงจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ 2551 ประเภทเครื่องมือแพทย์ทั่วไป สำหรับเลนส์สัมผัสเพื่อความสวยงาม หรือคอนแท็กต์เลนส์แฟชั่น มีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงาม โดยไม่มีวัตถุประ สงค์ทางการแพทย์ต่อผู้ใส่ จึงไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ อย่างไรก็ตาม อย.ได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเห็นว่าการใช้เลนส์สัมผัสทุกประเภท ทั้งชนิดที่ใช้เพื่อปรับสายตาที่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์และชนิดเพื่อความสวยงามที่ไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ หากนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกัน จึงเห็นควรกำหนดให้มีการควบคุมเลนส์สัมผัสทุกประเภทเป็นเครื่องมือแพทย์ควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น

"ขณะนี้ได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องเลนส์สัมผัส เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมการผลิตหรือนำเข้าเลนส์สัมผัสทุกประเภทในระดับที่เข้มงวดขึ้น โดยผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะต้องขออนุญาตจาก อย.รวมทั้งต้องแสดงอายุการใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังในการใช้ไว้ในฉลากหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์และในการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการเสนอร่างประกาศฉบับดังกล่าวให้คณะกรรม การเครื่องมือแพทย์พิจารณาในวันที่ 17 ธันวาคมศกนี้ และเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี เพื่อลงนาม ประกาศใช้ต่อไป" น.พ.พงศ์พันธ์กล่าว

รองเลขาธิการกล่าวว่า สำหรับผู้ที่คิดจะใส่เลนส์ สัมผัสควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์หรือผู้วชาญเสียก่อนว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ และเพื่อได้รับเลนส์ที่มีขนาดโค้งที่ถูกต้องเหมาะพอดีกับตาของผู้ใส่ ไม่ควรไปซื้อเองจากร้านค้าทั่วไป ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดเลนส์ ทั้งการล้าง แช่ เก็บ และก่อนสวมใส่ ทุกขั้นตอนต้องสะอาด เพราะถ้าเลนส์สกปรกมีเชื้อโรคทำให้ตาอักเสบได้ ไม่ควรใส่ขณะว่ายน้ำ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเลนส์สัมผัสแฟชั่นยิ่งต้องระวัง เพราะในช่วงที่ยังไม่มีการกำกับดูแลร้านค้าอาจนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่าย ก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้

น.พ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงน.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ระบุว่าอายไลเนอร์บางยี่ห้อที่วางขายตามตลาดนัดหรือรถเร่มีส่วนผสมของน้ำมันเครื่องว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่มีการตรวจพบว่าอายไลเนอร์ที่มีการวางจำหน่ายในพื้นที่บางแห่งมีการผสมน้ำมันเครื่องจริงหรือไม่ อาจเป็นน้ำมันชนิดอื่นก็เป็นได้ แต่หากอายไลเนอร์มีส่วนผสมของน้ำมันเครื่องจริง ก็จะส่งผลอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนัง โดยในระยะสั้นอาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง แต่หากมีการใช้ในระยะยาวจะทำให้เกิดโรคผิวหนัง และอันตรายถึงขั้นเป็นมะเร็ง

เลขาธิการ อย.กล่าวอีกว่า อายไลเนอร์ไม่ได้เป็นเครื่องสำอางที่ต้องควบคุมพิเศษ ในการผลิตหรือนำเข้าจึงไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อ อย. อย่างไรก็ตาม เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคตนจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกสุ่มเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จากแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศ ก่อนส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบว่ามีการผสมสารเคมีที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 สัปดาห์ หากพบผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใดมีการใช้สารต้องห้ามเป็นส่วนประกอบจะดำเนินการอายัดผลิตภัณฑ์และทำลายทิ้งต่อไป ในขณะที่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายจะมีความผิดฐานผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

"ในท้องตลาดมีเครื่องสำอางวางจำหน่ายกว่า 1 พันยี่ห้อ จึงอยากเตือนประชาชนควรเลือกใช้และซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือมีการระบุแหล่งผลิตที่แน่ชัดและเชื่อถือได้ อย่าซื้อเครื่องสำอางที่เป็นรถเร่ หรือสถานที่จำหน่ายที่เล็งเห็นแล้วว่าไม่น่าจะปลอดภัยต่อร่างกาย และต้องการวิงวอนผู้จำหน่ายให้คำนึงถึงความปลอดถัยของผู้บริโภค ไม่ควรนำเครื่องสำอางที่ไม่มีการระบุผู้ผลิตที่ชัดเจนมาขาย และหากใช้แล้วเกิดอันตรายขึ้นแก่ร่างกายก็ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วน อย.1556 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นๆ" น.พ.พิพัฒน์กล่าว

พนักงานคนหนึ่งประจำร้านจำหน่ายแว่นตาในย่านสยามสแควร์ เปิดเผยว่า สินค้าที่เป็นคอนแท็กต์เลนส์ "บิ๊กอายส์" ทางร้านได้นำเข้ามาจำหน่าย 2-3 ปีแล้ว มีเพียงยี่ห้อเดียวคือ ARYAN จากประเทศเกาหลี เป็นคอนแท็กต์เลนส์ที่ใช้ประเภทรายเดือน โดยมีบรรจุภัณฑ์และคำแนะนำที่ได้รับมาตรฐาน ISO ของประเทศอเมริกา และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ทุกครั้งที่มีลูกค้าสนใจหรือซื้อไปใช้จะได้รับการแนะนำวิธีการใช้คอนแท็กต์เลนส์ ปกติจะจำหน่ายได้ประมาณ 10 กล่องต่อวัน โดยใน 1 กล่องจะมี 1 คู่ และเสาร์อาทิตย์จะจำหน่ายสูงสุดถึง 100 กล่อง โดยจำหน่ายกล่องละ 450 บาท ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อไปใช้จะเป็นวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจะเป็นวัยทำงาน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เคยมีปัญหา

ด้านตัวแทนพนักงานขายร้านโชคดีการแว่น คอนแท็กต์เลนส์ ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน กล่าวว่า ภายหลังมีข่าวออกมาว่าการใส่บิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐานและเก็บรักษาไม่ถูกวิธีอาจส่งผลทำให้ตาบอดภายใน 2 วันนั้น ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายบิ๊กอายส์ของทางร้านแต่อย่างใด โดยยังคงมีกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนนักศึกษาเข้ามาถามหาซื้อบิ๊กอายส์ไปใส่ โดยปกติทางร้านจะขายบิ๊กอายส์เฉลี่ยวันละ 2-3 คู่

ขณะที่พนักงานของร้านโกลเด้น ออพติด ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายบิ๊กอายส์ยังไม่มีผลกระทบกับข่าวที่ออกมา สำหรับปัญหาเกี่ยวกับคอนแท็กต์เลนส์ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นคอนแท็กต์เลนส์ที่เป็นแฟชั่น ที่ผู้ใช้มักจะใช้คอนแท็กต์เลนส์เกินกำหนดเวลาที่ระบุไว้ รวมทั้งขาดการดูแลที่ถูกวิธี จึงอาจทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาภายหลัง โดยปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ส่วนกลุ่มคนในวัยทำงานที่ผ่านมาไม่เคยพบปัญหาแต่อย่างใด โดยปกติทางร้านจะขายบิ๊กอายส์วันละประมาณ 5-6 คู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางนายณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม หรือนัท เอเอฟ 5 ยังเดินทางมาซื้อบิ๊กอายส์ของทางร้านไปใช้

ส่วนพนักงานของร้านหอแว่น ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน กล่าวว่า สำหรับยอดขายบิ๊กอายส์ของทางร้านเมื่อมีข่าวออกมานั้นยังไม่มีผลกระทบตามมา โดยยังมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเดินทางมาหาซื้อบิ๊กอายส์ตามปกติ ซึ่งทางร้านจะขายบิ๊กอายส์เฉลี่ยวันละประมาณ 3-4 คู่ โดยบิ๊กอายส์เริ่มเข้ามาเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังกระแสนักร้องญี่ปุ่นและเกาหลีเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย สำหรับปัญหาของบิ๊กอายส์ที่เกิดขึ้นมักเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการตามกระแสแฟชั่นและไม่มีเงินในการซื้อบิ๊กอายส์ที่ได้มาตรฐานมาใส่ จึงหันไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐานตามแหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นต่างๆ อาทิ สยามสแควร์ ห้องสรรพสินค้ามาบุญครองและประตูน้ำ โดยส่วนใหญ่วัยรุ่นขณะนี้มักจะนิยมถามหาซื้อบิ๊กอายส์ที่มีขนาดความกว้างของเลนส์ 18 ม.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ได้มาตรฐาน สำหรับบิ๊กอายส์ที่ได้มาตรฐานจะมีความกว้างของเลนส์เพียง 14.5 ม.ม.เท่านั้น

สำหรับพนักงานของร้านเอ แอนด์ พี ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เปิดเผยว่า ภายหลังมีข่าวการใส่บิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ถูกวิธีอาจทำให้ตาบอดได้นั้น ขณะนี้ยังไม่มีผลต่อยอดขายบิ๊กอายส์ โดยยังคงมีวัยรุ่นที่ส่วนใหญ่เป็นนัก เรียน นักศึกษาหญิงเดินทางมาหาซื้อบิ๊กอายส์ตามปกติ โดยทางร้านจะขายบิ๊กอายส์อยู่วันละประมาณ 2-3 คู่

ขณะที่พนักงานของร้านแว่นบิวตี้ฟูล สาขาประชานิเวศน์ 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายบิ๊กอายส์ของทางร้านยังไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่ออกมาแต่อย่างใด โดยยังมีกลุ่มวัยรุ่นที่ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาหญิงมาหาซื้อบิ๊กอายส์ไปใส่ ซึ่งปกติทางร้านจะขายบิ๊กอายส์อยู่ประมาณวันละ 2-3 คู่

ส่วนพนักงานของร้านแว่นท็อปเจริญ สาขาประ ชานิเวศน์ 1 กล่าวว่า ภายหลังมีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการใส่บิ๊กอายส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของทางร้าน โดยยังมีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเดินทางมาหาซื้อบิ๊กอายส์ไปใส่ตามปกติ ส่วนใหญ่กลุ่มวัยรุ่นจะมาถามซื้อบิ๊กอายส์ที่มีสีดำ ส่วนบิ๊กอายส์ที่มีสีต่างๆ ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร โดยทางร้านจะขายบิ๊กอายส์อยู่ประมาณวันละ 2-3 คู่

อันตราย- โฆษณาคอนแท็กต์เลนส์ตาโต หรือ"บิ๊ก อายส์" แฟชั่นจากเกาหลีซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นไทย ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขและจักษุแพทย์ออกมาเตือน ให้ระวังอันตรายจากการติดเชื้อถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ ตามข่าว

ปลัดสาธารณ สุขเตือนสติวัยรุ่นไทย เห่อใส่คอนแท็กต์เลนส์ "บิ๊ก อายส์" ทำให้ ดูตากลมโตตามแฟชั่นดารานักร้องเกาหลี ชี้เสี่ยงเกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้ จักษุแพทย์ระบุหากไม่ระวังเรื่องความสะอาดมีสิทธิ์ติดเชื้อที่กระจกตา ทำให้ตาบอดได้ภายใน 2 วัน ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่แยกกันซื้อคอนแท็กต์เลนส์คนละแบบ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ได้อีกด้วย แนะก่อนใส่ควรปรึกษาแพทย์ผู้วชาญด้านดวงตา อย่าซื้อใส่เองโดยพลการ ด้านดาราสาว"ชมพู่ อารยา-เป้ย ปานวาด" แนะวัยรุ่นอย่าตามแฟชั่นมากเกินไป และควรเลือกใส่เฉพาะที่ผ่านอย. หรือซื้อตามร้านที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรซื้อตามตลาดนัด

เตือนวัยรุ่นนิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์"บิ๊ก อายส์"อาจทำให้ตาบอดได้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันดารานักร้องจากเกาหลีกำลังอยู่ในกระแสนิยมของเมืองไทยเป็นอย่างมาก จึงส่งผลทำให้กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่ชอบแสวงหาต้นแบบ อยากแสดงออกและต้อง การการยอมรับ มีการลอกเลียนแบบดารานักร้องเกาหลี ทั้งกิริยาท่าทาง การแต่งหน้า แต่งตัว การทำทรงผม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เป็นไปตามวัย โดยล่าสุดพบว่าวัยรุ่นไทยกำลังนิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์ตาโต หรือ"บิ๊ก อายส์"ที่มีหลายสี หลายขนาดและหลายรูปแบบ เพื่อให้ดวงตาดูกลมโตขึ้นกว่าปกติ โดยสามารถเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการทำสิ่งใดกับดวงตาถือเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญและบอบบางที่สุด หากเกิดปัญหากับดวงตาและไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องก็อาจส่งผลให้ตาบอดได้ จึงอยากให้วัยรุ่นตามกระแสแฟชั่นอย่างมีสติ รู้จักระมัดระวังและชั่งน้ำหนักถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาด้วย

ด้าน น.พ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า คอนแท็กต์เลนส์ถือเป็นวัสดุทางการแพทย์ ที่เป็นทางเลือกสำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางด้านสายตาแต่ไม่สามารถใส่แว่นได้ การตัดสินใจใส่คอนแท็กต์เลนส์จึงควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้วชาญด้านตาโดยเฉพาะ ส่วนคอนแท็กต์เลนส์ที่ใช้เพื่อวัตถุ ประสงค์อื่น อาทิ เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ มักจะใช้ในกลุ่มผู้ที่ต้องอาศัยรูปร่างหน้าตาในการประกอบอาชีพ อาทิ ดารา นักร้องและนางแบบ เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอนแท็กต์เลนส์ชนิดใดก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือการระมัดระวังเรื่องความสะอาด เนื่องจากคอนแท็กต์เลนส์ต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรงและเป็นระยะเวลานาน หากคอนแท็กต์เลนส์สกปรกอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน

น.พ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า การใช้คอนแท็กต์เลนส์ควรศึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลรักษาคอนแท็กต์เลนส์อย่างเคร่งครัด สำหรับคอนแท็กต์เลนส์ควรเก็บรักษาไว้ในน้ำยาแช่คอนแท็กต์เลนส์โดยเฉพาะและปิดฝาให้สนิท อีกทั้งควรเปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้และไม่ควรใช้น้ำยาแช่เลนส์ซ้ำๆ ห้ามล้างคอนแท็กต์เลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนที่อยู่ในน้ำประปาอาจกัดกร่อนเลนส์ทำให้เลนส์เสื่อมคุณภาพ ขุ่นมัวหรืออาจมีสิ่งเจือปนทำให้เลนส์สกปรกได้ นอกจากนี้ผู้ที่ใช้คอนแท็กต์เลนส์ควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสทุกครั้ง

"วัยรุ่นที่นิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์ตามแฟชั่น ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากๆ เพราะนอกจากเสี่ยงต่อตาบอดแล้ว ยังพบว่ามีวัยรุ่นบางกลุ่มแยกกันซื้อคอนแท็กต์เลนส์คนละแบบแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ ซึ่งสามารถทำให้ติดเชื้อเอดส์ได้" น.พ.ฐาปนวงศ์กล่าว

นางร้ายเซ็กซี่ "เป้ย"ปานวาด เหมมณี หนึ่งในลูกค้าบิ๊กอายส์หรือเลนส์ตาโตที่กำลังฮิตกันในหมู่วัยรุ่นขณะนี้ กล่าวว่า ใส่บิ๊กอายส์มาประมาณ 1 ปีแล้ว จะใส่เวลาถ่ายแบบหรือไปงานโชว์ตัว เวลาใส่จะช่วยให้หน้าเปลี่ยนลุกส์ไปจากเดิม ขึ้นอยู่กับสีของบิ๊กอายส์ อย่างเป้ยใส่สีน้ำตาลจะดูเป็นธรรมชาติ และเป็นแบบเลนส์สายตาเพราะเป็นคนสายตาสั้น

"มันเป็นแฟชั่นของเกาหลี ซึ่งก็รู้กันว่ามีอิทธิพลมาถึงคนไทยได้ง่าย จริงๆ มีมานานแล้วแต่เพิ่งมาฮิตในเมืองไทย ราคาคู่หนึ่งประมาณ 500 บาท ตามแต่ละยี่ห้อและขนาดของเลนส์ ไม่ทราบว่ามีบิ๊กอายส์ของปลอมหรือเปล่า แต่ที่ซื้อประจำคือที่ร้านแว่นตา ซึ่งจะปลอดภัยกว่า"นางร้ายเซ็กซี่กล่าว

เมื่อถามว่ากลัวจะมีผลกระทบกับดวงตาหรือไม่ ดาราสาวกล่าวว่า จริงๆ ก็กลัว เพราะเคยได้ยินว่าทำให้ตาบอดได้ แต่กระแสก็เงียบหายไป อีกอย่างคือเราไม่ได้ใส่ทุกวันเพราะเวลาใส่บิ๊กอายส์จะทำให้ตาแห้ง รู้สึกเคืองตา ต้องคอยหยอดตาอยู่ตลอด ฉะนั้นวันปกติเป้ยจะพักตาโดยการไม่ใส่ หรือไม่ก็ใส่แว่นตาแทน

ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนว่าใส่บิ๊กอายส์นานๆ อาจทำให้ตาบอดได้ หรือถ้าแลกกันใส่ก็มีโอกาสติดเชื้อเอดส์ได้ด้วยนั้น เป้ยกล่าวว่า ก่อนซื้อมาใส่พอทราบอยู่แล้วว่าผลกระทบมีอะไรบ้าง แต่อย่างที่บอกว่าเป้ยไม่ได้ใส่ทุกวัน ที่สำคัญคือไม่ใช้ปะปนกับคนอื่นแน่นอน เวลาซื้อมาใช้ก็ซื้อที่ร้านแว่นตาที่เป็นที่รู้จัก ไม่ได้ซื้อตามตลาดนัดทั่วไป เป้ยค่อนข้างระวังอยู่แล้วเพราะถ้าจะเลี่ยงไม่ใส่เลยคงไม่ได้ ด้วยงานที่ทำอยู่บางครั้งจำเป็นต้องใส่บิ๊กอายส์จริงๆ

สุดท้ายดาราสาวฝากเตือนน้องๆ ที่ใส่บิ๊กอายส์เป็นแฟชั่นว่า ไม่อยากให้น้องๆ ตามแฟชั่นมากเกินไป ควรเลือกใส่อย่างมีเหตุผลหรือปรึกษาผู้วชาญก่อนจะซื้อมาใส่ เพราะถ้าเกิดตาบอดขึ้นมาก็จะไม่คุ้มกับทั้งชีวิตที่ต้องเสียไป

ด้านนางเอกสาวชื่อดัง "ชมพู่"อารยา เอ. ฮาร์เก็ต อีกหนึ่งสาวที่ใส่บิ๊กอายส์ กล่าวว่า ได้ยินชื่อเลนส์ตาโตนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งซื้อมาใส่ได้ 3-4 เดือน พอดีพี่ผู้จัดการส่วนตัวแนะนำให้รู้จัก ก่อนซื้อมาใส่ก็พอทราบว่ามันทำให้ตาบอดได้ด้วย จึงเลือกซื้อยี่ห้อดีๆ มาใส่ จริงๆ ลองมาหลายยี่ห้อแล้ว บางอันใส่แล้วไม่สบายตาก็จะไม่ใส่ เคยใส่ยี่ห้อหนึ่งใหญ่มากๆ เคืองตาจนต้องคอยหยอดตาตลอด สุดท้ายไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยน หลังจากนั้นจะเลือกพอดีกับความต้องการในการใช้งาน เพราะเราไม่ได้ใส่เป็นแฟชั่น จะใส่เฉพาะเวลาถ่ายแบบหรือถ่ายโฆษณา จะใส่เต็มที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อดีของการใส่บิ๊กอายส์คืออะไร ชมพู่กล่าวว่า ไม่เรียกว่าข้อดี แต่ในแง่ของการทำงานวงการบันเทิงก็จำเป็นต้องใช้บ้าง สำหรับน้องๆ วัยรุ่นคงเป็นเรื่องของความสวยงาม เพราะใส่บิ๊กอายส์แล้วทำให้ตาแป๋วดูแบ๊วน่ารัก เท่าที่ทราบคนไทยนิยมใส่สีดำสนิท อย่างตอนนี้ก็มียี่ห้อหนึ่งที่โฆษณาว่าเป็นรุ่นที่ดงบังชินกิใส่ เห็นวัยรุ่นแห่ซื้อมาใส่เยอะมาก

ส่วนที่ทางกระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนถึงอันตรายนั้น นางเอกสาวกล่าวว่า ปกติไม่ค่อยได้ใส่อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าเป็นภาระของชีวิตที่ต้องมานั่งล้างหลายขั้นตอน ทั้งน้ำยาล้างเลนส์ น้ำยาล้างโปรตีน เลนส์พวกนี้ถ้าทำความสะอาดไม่ดีมันจะสะสมคราบโปรตีนซึ่งมาจากการแต่งหน้าแล้วไปอุดตามขอบเลนส์ เป็นเหตุให้ตาบอดได้

นางเอกสาวฝากถึงน้องๆ วัยรุ่นว่า ถ้าอยากใส่บิ๊กอายส์ลองเลือกใส่เฉพาะโอกาสพิเศษจริงๆ ดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าอันตรายที่ตามมามีอะไรบ้าง หรือ ถ้าจะซื้อก็เลือกยี่ห้อที่มีอย. ซึ่งจะจำหน่ายอยู่ตามร้านแว่นตาที่เชื่อถือได้ ถ้าเลี่ยงได้อย่าไปซื้อตามตลาดนัด เพราะเคยเห็นแพ็กเกจแบบที่ใหญ่โตน่ากลัวมากๆ

ด้านนางเอกสาวหน้าแบ๊ว "พีค"ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ กล่าวว่า รู้จักบิ๊กอายส์แต่ไม่เคยใส่ ไม่กล้ายุ่งกับดวงตาเท่าไร คิดว่าถ้าเอาอะไรมาใส่ตาคงรำคาญเหมือนกัน แต่ถึงไม่ใส่ก็มักจะมีคนมาถามบ่อยๆ ว่าใส่บิ๊กอายส์หรือเปล่า เพราะความที่เป็นคนตาโต และตาดำค่อนข้างใหญ่ ไม่คิดจะใส่เลย เพราะเวลาเห็นคนใส่แล้วรู้สึกว่าตามันหลอกๆ ดูน่ากลัวด้วย ส่วนที่ทางแพทย์เตือนว่ามีอันตรายกับดวงตาถึงขั้นตาบอดนั้น ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งน่ากลัว สำหรับคนที่อยากใส่น่าจะเลือกโอกาสที่เหมาะสม แต่ไม่ควรใส่ในชีวิตประจำวัน หรือถ้าไม่ใส่เลยก็ยิ่งดี คนเรามีดวงตาน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าใส่บิ๊กอายส์ อารมณ์ของตาที่สื่อออกมาก็จะเหมือนๆ กันหมดทุกคนคือแป๋วๆ แบ๊วๆ ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง อย่าไปดิ้นรนในสิ่งเหล่านี้เลย มันเป็นอันตรายกับตัวเองเปล่าๆ

ด้านตัวแทนพนักงานขายร้านโชคดีการแว่น คอนแท็กต์เลนส์ ที่เดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน กล่าวว่า ที่ร้านมีบิ๊กอายส์หลากหลายรุ่น หลายสีให้ลูกค้าเลือก แบ่งเป็นรายวัน ราย 2 สัปดาห์ และรายเดือน บิ๊กอายส์จะมีทั้งแบบสายตาปกติและสายตาสั้น ราคาจะอยู่ที่ 450-550 บาท อย่าง ไรก็ตามส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นวัยรุ่นทั้งชายและหญิง แม้กระทั่งหนุ่มสาววัยทำงานก็มาเลือกซื้อเช่นกัน สำหรับข้อแนะนำ วิธีการใช้นั้นจะมีอยู่ในกล่องผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว โดยผู้ใช้จะต้องถอดออกมาแช่น้ำยาวันต่อวัน ห้ามใส่นอน เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้

"ความจริงแล้วการใส่บิ๊กอายส์จะอันตรายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ถ้าผู้ใช้ทำตามคำแนะนำจะไม่เกิดปัญหา ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลูกค้าคนใดเกิดการระคายเคืองตา หรือเกิดการติดเชื้อแต่อย่างใด"

ขณะที่ร้านเพอร์เฟค อายแวร์ กล่าวว่า ที่ร้านจะมีบิ๊กอายส์ให้เลือกหลายยี่ห้อ มีทั้งสายตาปกติและสายตาสั้น การใส่บิ๊กอายส์นั้นจะทำให้ตาโตขึ้น สดใสขึ้น ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นวัยรุ่นทั้งชายและหญิง รวมทั้งหนุ่มสาววัยทำงานก็มาเลือกซื้อเช่นกัน นอกจากนี้สำหรับข้อแนะนำ วิธีการใช้นั้นจะมีอยู่ในกล่องผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว ผู้ที่ใช้จะต้องถอดออกมาแช่น้ำยาวันต่อวันห้ามใส่นอน เพราะหากใส่นอนจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ที่มา ข่าวสดรายวัน วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6585

สรุปประเด็นและเสนอแนะโดย นศ.คณะเภสัชศาสตร์ (5110710013)

“คอนแทคเลนส์” หรือ “เลนส์สัมผัส” จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อปรับสายตา แต่ในปัจจุบันได้มีการนำเอาคอนแทคเลนส์มาใช้สวมใส่เพื่อความสวยงาม ซึ่งมีทั้งแบบที่ทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น และแบบที่ช่วยเปลี่ยนสีตาเป็นสีต่าง ๆ ได้

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น

คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี

ปัจจุบันคอนแทคเลนส์แฟชั่นไม่ได้มีวางจำหน่ายแต่เฉพาะในร้านแว่นตา หรือคลินิกจักษุแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีวางขายตามแผงค้าตามแหล่งแฟชั่น รวมไปถึงการวางจำหน่ายในเว็บไซต์ ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อคอนแทคเลนส์แฟชั่นมาสวมใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น

แต่ไม่ว่าจะใช้คอนแทคเลนส์เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม เลนส์ที่ใช้จะต้องสัมผัสกับผิวของดวงตาที่บอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

การใช้คอนแทคเลนส์หากใช้ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ และอาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ เหมือนกับข่าวเมื่อปลายปี 49 ที่ผ่านมา ที่มีชายชาวนิวซีแลนด์ที่ตาบอดจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อความสนุกสนานในงานปาร์ตี้ จนเกิดการติดเชื้อหลังสวมใส่คอนแทคเลนส์นาน 3 วัน

ทั้งนี้การใส่คอนแทคเลนส์จะต้องได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์ โดยผู้สวมใส่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ หรือนักทัศนมาตรศาสตร์ หรือคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด

และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดทำมาตรการกำกับดูแลคอนแทคเลนส์ทุกประเภทให้เข้มงวดมากขึ้น โดยได้จัดทำร่างประกาศกำหนดให้คอนแทคเลนส์ทุกประเภท เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งรายละเอียดต่ออย.ก่อนผลิตหรือนำเข้า

อีกทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตหรือนำเข้าต้องจำหน่ายคอนแทคเลนส์ให้กับสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น เช่น สถานพยาบาล ผู้บริโภคไม่ควรซื้อคอนแทคเลนส์ที่จำหน่ายตามแผงลอย เพราะอาจเป็นอันตรายถึงตาบอดได้

นอกจากนี้ อย. ยังได้กำหนดให้ฉลากของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะต้องมีคำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังต่าง ๆ บนฉลากอย่างชัดเจน

นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า “ประชาชนควรระมัดระวังการใช้คอนแทคเลนส์ทุกชนิด โดยไม่ควรซื้อมาใช้เอง และซื้อจากร้านที่เป็นแผงลอย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และหากมีภาวะผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาไวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กะพริบตาไม่เต็มที่ ก็ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์”

สิ่งที่สำคัญที่ต้องระลึกถึงอยู่เสมอคือเรื่องสุขลักษณะ ต้องล้างมือให้สะอาดและทำให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์ การสวมและการเปลี่ยนเลนส์ก็ให้เป็นไปตามระยะที่กำหนด การล้างและการเก็บรักษาเลนส์ก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนภาชนะที่เก็บเลนส์ก็ต้องรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ

ห้ามใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับบุคคลอื่น ห้ามใส่ขณะว่ายน้ำเพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตา และห้ามใส่เวลานอน ถึงแม้ว่าจะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม และต้องถอดทำความสะอาดทุกวัน

หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมาก ร่วมกับอาการแพ้แสง ตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้คอนแทคเลนส์ทันที และให้รีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์โดยเร็ว...

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง