เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

ในระยะนี้หลายๆคนคงจะเห็นโฆษณาทางทีวีของบริษัทประกันภัยหลายๆบริษัท ที่บอกกล่าวว่า ทำประกันชีวิตไม่ต้องตรวจสุขภาพ
แต่ให้ความคุ้มครองโรคร้าย ทำให้หลายๆคนมีความสนใจที่จะทำประกันภัยขึ้นมาในใจเลยที่เดียว  “ทำประกันชีวิต ไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่คุ้มครองโรคร้าย”
แต่ก็ยังมีข้อกังขาอยู่ว่าหากทำประกันชีวิตไปแล้ว อยู่มาวันหนึ่งเกิดเป็นโรคร้าย ที่เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง บริษัทจะเบี้ยวค่าประกันหรือเปล่า คิดมาถึงประเด็นนี้ จึงต้องถามผู้รู้ อาจารย์ Google ทำให้พบข้อมูลที่หลากหลายประเด็น ชวนให้ขบคิด

ประเด็นแรก ผู้ทำประกันท่านหนึ่ง ทำประกันชีวิตให้คุณแม่ โดยเพิ่มการคุ้มครองโรคร้ายมีวงเงินประกัน 300,000  บาท ต่อมาคุณแม่โชคร้ายเป็นโรคมะเร็งเต้านม มีค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ประมาณ 700,000 บาท ซึ่งตามกรมธรรม์ บอกว่าต้องได้รับค่าคุ้มครองโรคร้ายตามที่ระบุ และค่าอื่นๆก็เบิกจากเบี้ยประกัน แต่บริษัทไม่ได้ปฏิบัติเช่นนั้น
กลับขอสืบประวัติก่อนการจ่าย ผ่านไป 5 เดือน บริษัทส่งจดหมายขอคืนเบี้ยประกันทั้งหมด เพราะไม่สามารถจ่ายเงินตามกรมธรรม์ได้ บริษัทให้เหตุผลการยกเลิกเอาประกัน
เนื่องจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วผู้เอาประกันมีประวัติเป็นโรคความดันมาก่อน และไม่ยอมแจ้งให้บริษัท จากกรณีข้างต้น ตรงกับประเด็นที่เป็นข้อกังวลเลยทีเดียว ทำให้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งก็พบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

ประเด็นแรก “ต้องตรวจสุขภาพก่อนการทำประกันชีวิตหรือไม่”

1.ข้อกำหนดของบริษัทโดยเป็นไปตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ท่านขอซื้อและอายุโดยทั่วไปหากจำนวนเงินเอาประกันภัยสูงหรือมีอายุมากก็จะมีการตรวจสุขภาพ เป็นต้น

2.บริษัทประกันชีวิตพิจารณาจากคำแถลงสุขภาพในใบคำขอเอาประกันภัยซึ่งระบุว่าเคยมีประวัติการตรวจรักษาสุขภาพมาก่อนหรือมีโรคประจำตัว บริษัทอาจจะขอให้มีการตรวจสุขภาพเพิ่มเติมและขอประวัติการรักษาสุขภาพจากสถานพยาบาลที่เคยเข้ารับการรักษาแต่ทั้งนี้

การประกันชีวิตที่ไม่ตรวจสุขภาพ มักมีกฎเกณฑ์ ดังนี้

1.ทุนประกัน (ความคุ้มครอง) มีความใกล้เคียง หรือเท่ากับเบี้ยประกัน มักเป็นแบบระยะสั้นๆหากเสียชีวิตตายไปก็ได้เงินตัวเองคืน

2.แบบที่มีเงื่่อนไข เช่น หากทำประกันชีวิตแล้วเกิดเสียชีวิตใน 2 ปีแรก เอาเบี้ยประกันคืนไป (เงินตัวเองคืน) ต้องเสียชีวิตในปีที่ 3 ถึงจะคุ้ม หากพ้นปีที่ 2 ไปแล้วนั้นหมายความว่าผู้ทำประกันแข็งแรงดีไม่มีปกปิดอะไร

ดังนั้นเมื่อจะซื้อประกันชีวิตก็ต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์ให้รอบคอบ เป็นดีที่สุด

ประเด็นที่สอง  “กรณีใดบ้างที่บริษัทประกันชีวิตไม่อาจจ่ายเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตได้”

1.ผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาประกันชีวิต
2. ผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
3. มีการเรียกร้องเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตโดยทุจริต

เห็นข้อมูลแบบนี้ อุ่นใจได้คะ ดังนั้นใครที่คิดจะทำประกันชีวิต ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด หรือหากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนกรมการประกันภัย โทร. 1186 หรือบริษัทประกันชีวิตที่ตนเองทำไว้ และหากไม่ได้รับความเป็นธรรมตามสัญญาที่ระบุไว้ สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค