อย.ย้ำไม่อนุญาตให้ผลิต/นำเข้า/จำหน่าย ปลาปักเป้า เนื่องจากการบริโภคปลาปักเป้าเสี่ยงต่อ การได้รับสารพิษเตโตรโดท็อกซิน ซึ่งหากได้รับสารพิษนี้เพียง 2 มิลลิกรัม ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ อย.ขอเตือนผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนประกาศกระทรวง ลักลอบผลิต/นำเข้า/จำหน่ายปลาปักเป้า และอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว หาก อย.ตรวจพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวการลักลอบจำหน่ายปลาปักเป้า (Puffer Fish) ซึ่งสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ขอให้ อย.ออกมาตรการให้สามารถนำปลาปักเป้าสายพันธุ์ไม่มีพิษมาจำหน่ายได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเป็นการปิดช่องไม่ให้มีผู้หาผลประโยชน์ เรียกรับสินบนจากโรงแล่ นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงว่า อย.มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 264) พ.ศ.2545 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยกำหนดให้ปลาปักเป้าทุก ชนิด และอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสมเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2545 เนื่องจาก อย.ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ทั้งนี้ จะเห็นได้จากรายงานการเป็นพิษจากการบริโภคปลาปักเป้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2472-พ.ศ.2551 พบผู้ป่วย 89 รายเสียชีวิต 24 ราย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ อย. ต้องมีมาตรการในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด
เลขาธิการ อย.กล่าวต่อไปว่า ปลาปักเป้า หรือชื่อที่ใช้เรียกโดยทั่วไป คือ ปลาเนื้อไก่ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนเนื้อไก่นั้น มีหลายชนิดทั้งมีพิษและไม่มีพิษ ซึ่งเมื่อแล่เป็นเนื้อปลาแล้ว จะไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นชนิดที่มีพิษหรือไม่ จึงเสี่ยงต่อการนำมาบริโภค เนื่องจากการบริโภคปลาปักเป้าผู้บริโภคอาจได้รับสารพิษเตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) หากได้รับสารพิษนี้ปริมาณเพียง 2 มิลลิกรัม จะเป็นอันตรายถึงชีวิต หรือหากได้รับในปริมาณต่ำ จะเกิดอาการชาที่ริมฝีปาก มือ และเท้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นอัมพาต หายใจขัด ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถเกิดได้ภายใน 10-45 นาที ทั้งนี้ สารพิษดังกล่าวสามารถทนความร้อนได้สูง การต้ม ทอด หรือย่าง ไม่สามารถทำลายได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคถึงขั้นเสียชีวิต อีกทั้งการแล่เนื้อปลาปักเป้าที่ทำอยู่ในประเทศไทยนั้น เป็นการแล่ โดยอาศัยประสบการณ์ ผู้แล่อาจไม่มีความรู้อย่างแท้จริง จึงมีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อการปนเปื้อนสารพิษ เตโตรโดท็อกซินในเนื้อปลา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มียาใดสามารถรักษาพิษดังกล่าวได้
เลขาธิการ อย.กล่าวในตอนท้ายว่า อย.ขอเตือนผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนประกาศฯ ลักลอบผลิต/นำเข้า/จำหน่ายปลาปักเป้า ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว พร้อมกันนี้ อย.ได้ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ให้ตรวจสอบการลักลอบผลิต/นำเข้า/จำหน่าย ปลาปักเป้าและอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม และดำเนินการตามกฎหมายทันที ซึ่งหาก อย.พบผู้ผลิต/นำเข้า/จำหน่าย ปลาปักเป้า จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท กรณีจำหน่ายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้บริโภคพบเห็นการกระทำดังกล่าว ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน อย.1556 เพื่อ อย.จะได้ดำเนินการปราบปราบผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคให้ถึงที่สุด สำหรับข้อเรียกร้องให้ทบทวนแก้ไขประกาศฯ นั้น อย.อยู่ในระหว่างศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งมาตรการรองรับที่เหมาะสม ชัดเจน และสามารถปฏิบัติได้ ดังนั้น ในขณะนี้จึงขอให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)