ถกห้ามใช้แร่ใยหิน “ไครโซไทล์คืบ” กรมโรงงานอุตสาหกรรมเตรียมดำเนินการศึกษาเลิกใช้แร่ใยหินใน 5 ผลิตภัณฑ์ “กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องแผ่นเรียบ กระเบื้องยาง ท่อน้ำ และ ผ้าเบรก” นักวิชาการ แนะส่งแพทย์ศึกษาโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากแร่ใยหิน
นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน ว่า ผลการดำเนินเป็นที่น่าพอใจและมีความชัดเจนหลายๆ เรื่อง ใน 4 ยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์แรก การยกเลิกการใช้และป้องกันอันตรายโดยใช้มาตรการทางกฎหมาย ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมกำลังดำเนินการหาคนกลางมาศึกษาถึงกรอบระยะเวลาความเป็นไปได้ในการยกเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ใน 5 ผลิตภัณฑ์เบื้องต้น ได้แก่ กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องแผ่นเรียบ กระเบื้องยาง ท่อน้ำ และผ้าเบรก ที่คาดว่าจะยกเลิกได้ ซึ่งถือว่ามีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะผลที่ได้จะนำไปสู่การกำหนดยกเลิกใช้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก.ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แร่ใยหินไครโซไทล์
นพ.ณรงค์ศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการดำเนินงานในยุทธศาสตร์ที่เหลือด้วยว่า ส่วนการส่งเสริม สนับสนุนการใช้สารทดแทนที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมทั้งการบริหารจัดการเพื่อควบคุม ลด และ เลิกใช้แร่ใยหิน การเผยแพร่ความรู้ และประชาสัมพันธ์ให้กับสาธารณชนทราบ การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร และการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและติดตามกลุ่มเสี่ยงทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการวินิจฉัยโรค ก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้และได้รับการร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างกรณีการใช้สารทดแทน ภาคเอกชนใหญ่ 2 รายที่เคยใช้แร่ใยหินไครโซไทล์เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ ยืนยันว่าต้นทุนราว 10% ที่เพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนมาใช้สารแทนทดนั้น อยู่ในวิสัยที่ภาคธุรกิจยอมรับและทำได้จริง โดยที่ทั้ง 2 บริษัทมีมุมมองว่าต้องคำนึงถึงผลด้านสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ
ขณะที่ นางสมศรี สุวรรณจรัส ผู้แทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า การดำเนินการในเรื่องยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ใน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใกล้ตัวมากที่สุด คาดว่า อาจใช้เวลาศึกษาราว 6 เดือน ในการศึกษาถึงผลกระทบในเรื่องนี้ ก่อนจะส่งเรื่องไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องเรียนว่า คำสั่งการเลิกใช้แร่ใยหินในทันทีในกรอบระยะเวลา 1 ปีที่ระบุไว้ในยุทธศาสตร์นั้น อาจทำไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพราะขณะนี้เพิ่งเริ่มการศึกษาถึงผลกระทบในทุกมิติอย่างจริงจังหากมีการเลิกใช้แร่ใยหินชนิดนี้ ก่อนจะประกาศให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ และเตรียมการรองรับ
“เป็นเรื่องยากที่จะประกาศยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ภายใน 1 ปี เพราะถ้ายกเลิกโดยไม่มีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน ผลเสียที่ตามมาอาจรุนแรงกว่าผลดีที่อยากให้เกิดได้ และคิดว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องอาศัยเวลา ดูความเหมาะสมว่าสังคมทุกภาคส่วนยอมรับได้หรือไม่ เพราะสารทดแทนเองนั้นก็ต้องนำเข้าทั้งหมด อีกทั้งควรศึกษาให้ถ่องแท้ว่าสารทดแทนนั้นปลอดภัยจริง มิเช่นนั้นการแก้ปัญหาแบบรวดเร็วทันใจแต่แก้ไม่เสร็จจริง จะเป็นแค่การย้ายปัญหาและเรื่องนี้ก็ไม่จบสิ้น ฉะนั้น การยกเลิกใช้แร่ใยหินชนิดดังกล่าวไม่ควรพูดถึงเรื่องกรอบเวลา แต่ควรหันมาพุ่งที่เป้าหมายของการยกเลิก และกำหนดเป็นมาตรการที่ปฏิบัติได้จริงในแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว น่าจะเห็นผลได้ดีและชัดเจนมากกว่า” นางสมศรี แจง
ด้าน ผศ.พญ.พิชญา พรรคทองสุข คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ระบบเฝ้าระวังและติดตามกลุ่มเสี่ยงทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการวินิจฉัยโรคว่า เรื่องระบบเฝ้าระวังโรคที่เกิดขึ้นจากการใช้แร่ใยหินโครโซไทล์สำหรับประเทศไทยยังต้องพัฒนาอีกมาก เพราะแม้แต่เทคโนโลยีระดับสูงภายในประเทศ ก็ยังไม่สามารถวินิจฉัย ระบุว่า เส้นใยในสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ใช่แร่ใยหินโครโซไทล์หรือไม่ หรือแม้แต่การตรวจชิ้นเนื้อว่าโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดที่ประชาชนเป็นอยู่นั้น เป็นมะเร็งเยื่อหุ้มปอดที่เกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นหรือเกิดจากแร่ใยหินโคลโซไทล์ ก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะต้องใช้ห้องแล็บพิเศษ อีกทั้งการคัดกรองผู้ป่วย ก็ไม่มีระบบการระบุข้อมูลว่าประชาชนสัมผัสแร่ใยหินดังกล่าวหรือไม่ ทำให้การวินิจฉัยโรคได้ผลต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
“หนทางที่ต้องทำต่อไป อยากเสนอว่า ควรมีการส่งผู้เชี่ยวชาญ เช่น กลุ่มอายุรแพทย์ แพทย์พยาธิ ไปศึกษายังประเทศที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ อย่างญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา แล้วนำความรู้กลับมาเผยแพร่ในประเทศไทยในระดับตติยภูมิ พร้อมกับสร้างแล็ปที่มีศัยกภาพในการรองรับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ซึ่งทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อการดูแลและสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งเยื่อหุ้มปอดให้ดีขึ้นได้ และยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเรื่องระบาดวิทยาการควบคุมโรค ที่จะทำให้คนรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งชนิดใด เพราะอะไร และจะมีวิธีการป้องกันหรือรักษาอย่างไร” ผศ.พญ.พิชญา กล่าว
Relate topics
- ใบสำคัญรับเงิน
- ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติ จะนะ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดย อ.จินตนา เจริญเนตรกุล ได้จัดอบรมการแปรรูปอาหารทะเล เช่น การทำข้าวเกรียบ
- บรรยากาศการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สุดยอดความอลังการ หนึ่งในกิจกรรมงานอาหารของแม่ เพื่อเทิดพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน ณ ถนนสเน่หานุสรณ์
- บรรยากาศงานตลาดนัดเกษตรกรโอเดียน ประจำเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 4 ก.ค.58 โดยภายในตลาดไดมีคุณวรรณา สุวรรณชาตรี ผู้ประสานงานโครงการประชุมและเยี่ยมชมตลาด
- วันนี้ โครงการอาหารเป็นยา ปีที่ 2 อาหารเป็นยาสมุนไพร: กรณีศึกษาจังหวัดสงขลา (Food as herbal medicine: A case study of Songkhla province)