ดิฉันชื่อ นส.พิจิกานต์ สุวรรณา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 178 ม.2 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง หมายเลขโทรศัพท์ 084 - 191 -0457 ค่ะ
ดิฉันมีเรื่องราว ที่ต้องการให้ทางองค์กรช่วยเหลือ เพื่่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านตาดำๆ และไม่รู้กฎหมายคุ้มครองอะไรเลย
สืบเนื่องจากว่า.......ดิฉันเป็นลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคาร ธนชาต จำกัด มหาชน เช่าซื้อรถยนต์ ฮอนด้า รุ่น แจ๊ส ดิฉันเป็นลูกหนี้มาหลายปี ชำระตรงบ้างผิดเวลาบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาที่ทางธนาคารมาตามยึด
ดิฉันครบกำหนดชำระค่างวดทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน เป็นเวลา 72 งวด ต่อมาด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจ ดิฉันจึงขาดส่งเป็นระยะเวลา 3 งวด ดิฉันไม่เคยเพิกเฉยเลยสักครั้ง มีการติดต่อเข้าไปขอประนอมหนี้กับทางธนาคารเสมอมา
ต่อมาวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ดิฉันได้โทรศัพท์ไปยังฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน ธนาคารธนชาต สาขาสุราษฎร์ธานี และได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลพอร์ตเช่าซื้อของดิฉัน ที่ชื่อ " คุณวิภาวดี" หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อ 077 - 206 375 และ 081 - 832 1285
ดิฉันได้โทรศัพท์ไปก่อนวันที่ 5 มิถุนายน ก่อนหลายวัน และแจ้งขอผ่อนผัน เลื่อนัดชำระเป็นวันที่ 15 ของเดือนเดียวกัน โดยแจ้งให้ทราบถึงปัญหา และได้ปรึกษาเป็นแนวทางในการชำระหนี้ในเดือนนี้ ดิฉันได้แจ้งทางคุณวิภาวดี ว่า ดิฉันทราบถึงเครดิตบูโร ที่คงจะไม่ดีนัก เพราะดิฉันชำระล่าช้า และค้างค่างวด ดิฉันได้แก้ไขปัญหาในเบื้องต้น คือ ดิฉันจะผ่อนไปอีก 2 เดือน เมื่อภาระหนี้ลดลงบ้างแล้ว ดิฉันจะทำการปิดยอดกับทางธนาคาร โดยการขายให้กับญาติ ที่เสนอราคา โดยที่ดิฉันจะเหลือเงินส่วนต่างนั้นอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งคุณวิภาวดี ก็รับปาก ว่าจะดูแลให้ในเบื้องต้นของการขอนัดชำระล่าช้า
ต่อมาวันที่ 15 ดิฉัน ก็ไม่มีเงินจะชำระอีก จึงได้โทรไปปรึกษาคุณวิภาวดีอีกครั้งในเช้าวันที่ 16 เวลา 8.45 น. ถึงเรื่องการชำระล่าช้า โดยดิฉันได้ยื่นเสนอว่า ดิฉันจะชำระแน่ๆ ในวันที่ 20 เพราะดิฉันจะได้เงินหลังวันที่ 15 แต่จะไม่เกินวันที่ 20 แน่นอน ซึ่งในครั้งนี้ คุณวิภาวดี ก็รับปาก แต่มีข้อแม้ว่า ครั้งนี้จะเลทอีกไม่ได้
หลังจากวางสายจากคุณวิภาวดี ดิฉันก็ออกไปทำงานตามปกติ ประมาณชม.ครึ่ง ทางบ้านได้โทรศัพท์มาบอกดิฉันว่า มีชสยฉกรรจ์สามคน มาทำทีขอซื้อรถยนต์คันที่ดิฉันเช่าซื้อกับทางธนาคาร แต่เนื่องจากทางบ้าน มีแต่คนชราอยู่ จึงไม่กล้าเปิดประตูบ้านให้เข้ามา
พอดิฉันทราบเรื่อง จึงได้โทรศัพท์กลับไปสอบถามคุณวิภาวดี แต่คุณวิภาวดี แสดงท่าทีไม่ทราบเรื่อง และขอโทรกลับในอีกไม่นาน และเมื่อคุณวิภาวดีโทรกลับมา เธอก็บอกว่า " ทางธนาคารแค่ส่งคนไปตรวจดูรถเท่านั้น รบกวนให้ดิฉัน กลับมาพบทีมงานของทางธนาคาร และแค่เซ็นเอกสารเท่านั้น"
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดิฉันจึงรีบเดินทางกลับทันที และได้ขอหมายเลขโทรศัพท์ทีมงานของธนาคารไว้ด้วย เมื่อมาถึงที่บ้าน ดิฉันจึงได้โทรศัพท์นัดหมายให้มาพบกันทันทีที่บ้าน และเมื่อทึมงานมาถึง (ตั้งใจอ่านนะค่ะ นับจากนี้)
ทีมงานมาด้วยกันทั้งหมด 3 คน เป็นชายวัยกลางคน เมื่อมาถึง ได้บอกให้ดิฉันเตรียมเอกสาร คือสำเนาทะเบียนบัตรประชาชนไว้แค่ 1 ใบ ซึ่งอันนี้ดิฉันก็เตรียมเรียบร้อย พรัอมทั้งสำเนาใบสำคัญการเปลี่ยนช่ื่อตัว ของดิฉันเอง
ทีมงานขอให้พาไปดูรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ในโรงจอดรถหลังบ้าน ดิฉันก็พาไปดู ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จากนั้น ทีมงานคนหนึ่ง ก็ขอสตาร์ทรถ เพื่อเช็คสภาพ ดิฉันก็ส่งกุญแจให้ ด้วยความบริสุทธ์ใจอีกเช่นกัน
จากนั้นทึมงาน โกหกต่ออีกว่า ต้องการถ่ายรูปรถยนต์ในสภาพที่ไม่มีทรัพย์สินของผู้เช่าซื้อหลงเหลืออยู่ ดิฉันก็ขนของสัมภาระออกมา (ในขณะนั้น มีคุณพ่อดิฉันยืนอยู่ด้วย) หลังจากนั้น ทีมงานก้โกหกต่ออีกว่า ต้องการนำรถยนต์ขับลองช่วงล่าง ดิฉันยังไม่ทันอนุญาต เขาก็ขับรถออกไปเลย
เมื่อขับออกไปแล้ว ก็เหลือทีมงานอีก 2 คน ต่อสายโทรศัพท์ให้ดิฉันคุยกับ ผจก.ฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน ของธนาคาร ธนชาต สาขาสุราษฎร์ธานีตามหมายเลข
081 - 372 6206 ซึ่งทีมยึดบอกเพียงแต่ว่า เป็นผู้จัดการฝ่ายกฎหมายชื่อ คุณ วันชัย
ระหว่างบทสนทนา ระหว่างดิฉันกับคุณวันชัย ซึ่งคุณวันชัย จะบอกแต่ว่า ดิฉันไม่ส่งค่างวด จึงจำเป็นต้องยึดมาไว้ เพราะนี้เป็นสมบัติของธนาคารธนชาต ดิฉันก็ยืนยันว่า ดิฉันผิดนัดชำระก็จริง แต่ไม่ได้หลบหนี ดิฉันได้ติดต่อนัดวันชำระกับทางคุณวิภาวดีไว้แล้ว ซึ่งก็คือวันที่ 20 ในเดือนเดียวกัน และวันนั้นยังมาไม่ถึง
คุณวันชัยก็เพียงแต่ตอบด้วยน้ำเสียงแกมตะคอก ว่า " คุณวิภาวดี เป็นแค่ลูกน้องผม และคุณวิภาวดี ก็ไม่ได้รายงานผมด้วย ไม่รู้หล่ะ ถ้าคุณจะไม่ให้ผมเอารถมา ก็เอาเงินมาจ่ายผมเดี๋ยวนี้ทันที "
แม้ว่า....ดิฉันจะอธิบายเหตุผลเรื่องการนัดหมายกับคุณวิภาวดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ แต่คุณวันชัย ก็ตัดบทไป แล้วก็บอกให้ดิฉัน จ่ายเงินในเดี๋ยวนั้นเลย เป็นจำนวนเงิน 49,800 บาทถ้วน
ซึ่งดิฉันมาคำนวนดู ดิฉันส่งค่างวดเดือนละ 9,750 บาท ขาดส่ง 3 งวด มันก็ต้องเป็นเงิน 29, 250 บาท แ้ม้ว่า หากรวมค่าติดตามทวงถามแล้ว มันก็ไม่น่าจะสูงเป็นหลายเท่าตัวเช่นนี้
ทีมยึดบอกกับดิัฉันว่า ตอนนี้.เค้าเอารถของดิฉัน ไปเก็บไว้แล้ว หากว่า ดิฉันสามารถหาเงิน จำนวนนี้มาได้ เดี๋ยวเขาจะขับรถมาคืน ณ เวลานั้น ดิฉันรู้สึกเหมือนโดนขโมยรถไปเรียกค่าไถ่ อย่างไรก็ไม่รู้
ทางทีมยึดบอกกับดิฉันว่า ให้เซ็นเอกสารเสีย โดยเอกสารที่ว่า ก็คือ สำเนาบัตรประชาชนของดิฉันนั้นเอง นอกเหนือจากเซ็นรับรองสำเนาแล้ว ให้เขียนกำกับไว้ด้วยว่า ข้าพเจ้่้าได้ส่งมอบรถยนต์ให้กับ นาย.......(ดิฉันจำชื่อไม่ได้) เพราะตอนนั้น ยังช๊อคมาก
ดิฉันได้ต่อรอง ว่าจะนำเงินจำนวนนั้นมาให้ แต่ขอระยะเวลาเป็นสิ้นเดือนนี้ ซึ่งทีมยึด ก็ตอบตกลง
แต่ในวันเดียวนั้นเอง ช่วงบ่ายสี่โมงครึ่ง ดิฉันได้นำเงินจำนวนดังกล่าว ไปชำระที่ทางธนาคารเรียบร้อย โดยไปกับกลุ่มชายฉกรรจ์ทีมยึด
เค้าบอกกับดิฉันว่า นำเงินมาอย่างเดียว ถ้าดิฉันชำระเงินเมื่อไหร่ รถยนต์ก็จะถึงบ้านอย่างแน่นอน
วันนั้น ดิฉันได้รับรถกลับมาอย่างเสียความรู้สึก
สิ่งที่อยากถามคือ ดิฉันสามารถเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรได้บ้าง