บทความ

เรื่องของกู ! เรื่องของมึง! แต่เราเดือดร้อน

by คุณนาย @March,14 2008 15.37 ( IP : 222...250 ) | Tags : บทความ
photo  , 200x159 pixel , 15,018 bytes.

แม่ค้าขายของตลาดสด  อายุอยู่ในวัยกลางคน  ก้าวขึ้นรถโดยสารประจำทางสายหาดใหญ่  - สงขลา ในเวลาเช้าซึ่งก็มีผู้โดยสารซึ่งจะเบียดเสียด  แต่ก็มีที่ว่างด้านในพอสมควร  ตัวคุณน้าแกโหนเกาะอยู่บันไดทางขึ้น  ไม่ยอมเดินเข้าไปนั่งภายในรถ
พนักงานเก็บค่าโดยสารตะโกนบอก “ ป้า ๆ  เดินขึ้นบนเข้าในด้วย”  ป้าแกยืนเฉยทำหูทวนลม หลังจากพนักงานเก็บค่าโดยสารพูดเตือนซ้ำหลายครั้งก็ยังเฉยเหมือนเดิม  กระเป๋ารถทนไม่ไหวก็ตะโกนว่า  “ ไม่เดินเข้าข้างในเดี๋ยวรถกระชากป้าก็จะตกลงไปเจ็บตัวหรอก ” “ เรื่องของกู ” ป้าแกตอบ..........    ถ้าป้าตกลงไปเกิดตายขึ้นมาผมก็ติดคุกนะสิ “ เรื่องของมึง ” ป้าแกตอบแบบหน้าตาเฉย
      ในสังคมเราจะพบคนประเภทนี้อยู่เสมอคนที่ทำตามใจของตนเองโดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ใด ๆ  การกระทำของตนอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อน  อาจติดคุก  ติดตะราง  ก็ไม่สนใจ  เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องตัวเอง  ทุกวันนี้เราจึงได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งแข่งกันบนถนนด้วยความเร็วสูง  เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว รบกวนคนอื่น  อย่างไม่กลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเอง  หรือไม่กลัวคนขับรถคันอื่น ๆ ที่ใช้เส้นทางบนถนนเดือดร้อน  ถ้ารถซิ่งเกิดพลาดพลั้งมาปะทะกับรถคนอื่นซึ่งไม่รู้ อิโหน่ อิเหน่ด้วย  ซึ่งก็มีภาพเหล่านี้ให้เห็นอยู่เสมอ ๆ รถมอเตอร์ไซด์วิ่งแซงล้ำเข้ามาในทางรถสวน  บ้างก็วิ่งผิดเลนส์แล่นสวนทางเข้ามาในทางปรกติ  หรือแม้แต่วิ่งสวนทางวันเวย์ (ย้อนศร) ทำให้รถคันที่วิ่งอย่างถูกต้องต้องหลบกันจ้าละหวั่น เพราะรถซิ่งกล้าตาย แต่รถคันอื่นกลัวตาย  รถซิ่งเหล่านั้นถือหลักว่า ถ้ารถคนอื่นชนตายไปก็เรื่องของกู ถ้าเกิดใครชนเขาตายก็ต้องกลายเป็นผู้ต้องหา ต้องเดือดร้อนก็เรื่องของคุณ  ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้เห็นรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน  บนทางสัญจรปกติ  ต้องหลบกันตัวโก่งเพื่อหลีกทางให้กับรถมอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ ที่ซิ่งแข่งกัน หรือพุ่งออกมาจากซอย เล็ก ๆ ออกสู่ถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูง  หรือเห็นภาพที่รถใหญ่ชนมอเตอร์ไซด์ ที่มีทั้งชนแล้วรับผิดชอบ  ชนแล้วก็หนีไปก็มีเป็นจำนวนมาก  พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเราก็ไม่ค่อยจะทำกัน  เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็ไม่มีเงินจ่าย  หรือบางรายทำ พรบ.รถแล้วก็ไม่ใช้เพราะว่ายุ่งยาก  ไม่รู้จะแจ้งที่ไหน  ใครรับเรื่อง  ที่ลำบากหนักคือต้องไปแจ้งความที่โรงพักก่อน ซึ่งบ้างก็กลัวตำรวจ บ้างก็ว่าเสียเวลา  พอชนโครมเจ็บตัว เข้าโรงพยาบาลหาเงินมารักษากัน  แต่ถ้ามีบัตรหลักประกันสุขภาพก็ใช้บัตรหลักประกันสุขภาพก่อน  เพราะสะดวก และง่าย โดยไม่คิดที่จะใช้  พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถกัน  หลายครั้งที่วัยรุ่น  ซิ่งรถกันเจ็บพอประมาณ ไปโรงพยาบาล บอกหมอว่าชกต่อยทะเลาะกันมา เพราะเมา ก็ใช้สิทธิบัตรหลักประกันสุขภาพ(บัตรทอง)  ไม่ยอมที่จะใช้  พรบ.รถ  เนื่องจากการจะใช้สิทธิได้ตามพรบ.รถต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก่อนและถ้าหากมีคู่กรณีแล้วตนเป็นฝ่ายผิดก็ผิดกฎหมายด้วย  ก็เลยหลีกเลี่ยงและไปโกหกหมอ(รายที่ไม่มีแขนขาหัก) ที่บริษัทปรันต้องจ่ายก็ไม่ได้จ่าย บริษัทประกันภัยก็สบายรับเต็ม ๆ ปีนึงก็หลายล้าน  เราจึงต้องช่วยกันรณรงค์ไปทำประกันภัย บุคคลที่  3  พร้อมกันนี้ก็ควรจะใช้สิทธิ พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในการรักษาพยาบาลให้ครบ 15,000  บาท  ก่อนหากยังไม่หายจึงไปใช้สิทธิบัตรหลักประกันสุขภาพในการรักษาต่อจนหายได้  เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเจ็บอยากป่วย  อยากเข้าโรงพยาบาล  แต่เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข  เพื่อผู้ที่ป่วยเป็นโรคอื่น ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง รวมถึงการจะได้ใช้สิทธิจากเงินประกันภัยที่ต้องเสียให้กับบริษัทประกันภัยในแต่ละปี  ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าฟันกำไรไปกี่ล้านบาทเพราะความไม่อยากใช้สิทธิ  พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
      ท้ายสุดเป็นเรื่องของพรบ.ผู้ประสบภัยจากรถ  พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  หรือเป็นเรื่องของประชาชนที่เจ็บป่วยประสบอุบัติเหตุแล้วต้องใช้สิทธิโดยไม่ลำบากอย่างไร  ไม่ต้องตายระหว่างตัดสินว่าเรื่องของมึง เรื่องของกู

โดย  คุณสมจิต  ฟุ้งทศธรรม  (กลุ่มไทรงาม)

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง