เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

นิตยสารฉลาดซื้อเปิดตัวครอบครัวฉลาดซื้อ สร้างภูมิคุ้มกันและแนวร่วมการผู้บริโภคที่ยั่งยืน รวมถึงสร้างความตื่นตัวของครอบครัวที่จะเท่าทัน มีส่วนร่วมในการปกป้องสิทธิของตนเอง

วันนี้ (13มี.ค.)ศ.ดร. ปาริชาต  สถาปิตานนท์  กรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและผู้ริเริ่มโครงการครอบครัวฉลาดซื้อ เปิดเผยว่า “โครงการครอบครัวฉลาดซื้อ” 1,000 ครอบครัว เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้ข้อมูลเพื่อการ เลือกซื้อแทนการซื้อจากโฆษณา ซึ่งจริงบ้างเท็จบ้าง และพิทักษ์สิทธิของครอบครัวตนเอง เพราะครอบครัว  คือ หน่วยทางสังคมที่เล็กที่สุด  ละเอียดอ่อนที่สุด  แต่มีอิทธิพลมากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม  ฉะนั้น การสร้างความเข้มแข็งด้านการคุ้มครองผู้บริโภค  จึงต้องเริ่มจากที่บ้าน  ทั้งนี้ครอบครัวฉลาดซื้อจะได้รับข้อมูลเพื่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการ อย่างคุ้ม ค่าโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการบริโภคที่ยั่งยืน  มีส่วนร่วมในการสำรวจ ทดสอบสินค้าและบริการต่าง ๆ ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ  ซึ่งเป็นนิตยสารฉบับเดียวที่มีการเปรียบเทียบข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงอยากเห็นครอบครัวฉลาดซื้อ 1,000 ครอบครัว  รวมตัวกันเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง  และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้”

รศ.ดร.จิราพร  ลิ้มปานานนท์  กรรมการโครงการครอบครัวฉลาดซื้อ และประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  กล่าวถึงโครงการครอบครัวฉลาดซื้อว่า  “ มูลนิธิเชื่อว่าการคุ้มครองผู้บริโภคที่ดีที่สุดคือการคุ้มครองตนเอง และต้องการเห็นความตื่นตัวของครอบครัวที่จะเท่าทัน มีส่วนร่วมในการปกป้องสิทธิของตนเอง หากครอบครัวฉลาดซื้อจะช่วยกันรายงานหรือเฝ้าระวังกันคนละอย่างเราก็จะได้รับ รู้ปัญหามากถึง 1,000 เรื่อง ความเปลี่ยนแปลงจากจุดเล็ก ๆ จะช่วยให้การคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทยเข็มแข็ง  และพลังของผู้บริโภคนี่เอง  จะทำให้ผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  การซื้อ การใช้  การเปลี่ยนระบบการผลิต รวมไปถึงการค่อย ๆ เปลี่ยนระบบความคิด  ”

ครอบครัวฉลาดซื้อเป็นโครงการนำร่อง  เฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครเพียง 1,000  ครอบครัว แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมีครอบครัวที่ใช้ข้อมูลในการซื้อสินค้า  ใช้หรือบริโภคเท่าที่จำเป็น และไม่เจ็บตัวในยุคบริโภคนิยม

นอกจากนี้ นางนพมาศ  รวยรื่น  ตัวแทนครอบครัวรวยรื่นและหนึ่งในครอบครัวฉลาดซื้อ ยังยืนยันว่าการเป็นครอบครัวฉลาดซื้อนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก โดยยกตัวอย่างว่า

“ครอบครัวเราชอบรับประทานอาหารที่บ้าน เพราะสะดวก สะอาด อร่อยและประหยัด  และครอบครัวเราทานข้าวสีใหม่ทุกเดือนที่มาจากกลุ่มข้าวชาวนาคุณธรรม  เวลาสมาชิกในครอบครัวต้องการจะซื้ออะไร เช่น โทรศัพท์ , คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา รถยนต์  พ่อจะต้องหาข้อมูลอย่างละเอียดและเปรียบเทียบ หลายๆยี่ห้อ รวมทั้งไม่รังเกียจหากต้องใช้ของมือสองแต่คุณภาพดี เพราะจะราคาถูกกว่า  เราจะหลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติกจากพ่อค้า โดยจะนำถุงผ้า , ตะกร้าไปใส่ของเอง แม้ซื้อโจ๊กก็จะพยายามนำกล่องไปใส่เพื่อลดขยะแม้ที่ห้างสรรพสินค้า  หรือซูเปอร์มาร์เก็ต  ก็จะใช้ถุงให้น้อยที่สุด  หากลูกๆต้องการของส่วนตัวที่ แม่ พ่อ เห็นว่าไม่จำเป็นมากๆก็จะตั้งกฎให้ลูกต้องออมเงินครึ่งหนึ่ง  และพ่อแม่จะช่วยเพียงครึ่งเดียวในขณะที่ลูกเก็บเงินนั้นไว้ฝากธนาคารพ่อแม่ ก็จะออมเพิ่มสมทบอีกเท่าตัว”

นางสาวสารี  อ๋องสมหวัง บรรณาธิการบริหารนิตยสารฉลาดซื้อ และเลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ให้ความเห็นต่อครอบครัวฉลาดซื้อว่า  การเป็นสมาชิกครอบครัวฉลาดซื้อ ก็คือ “ฉลาดซื้อ  ฉลาดคิด ฉลาดใช้ชีวิตในยุคบริโภคนิยม” ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความหมายมากกว่าการเป็นผู้บริโภค

“การเป็นครอบครัวฉลาดซื้อจะสามารถช่วยกันรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ บริโภคซึ่งสามารถรวมพลัง ที่จะต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อได้ ซึ่งนั่นคือพลังที่จริงๆ ของผู้บริโภค  นอกจากนี้ครอบครัวฉลาดซื้อจะให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลในการเลือกซื้อ สินค้าและบริการต่างๆ  รวมถึงครอบครัวฉลาดซื้อจะยังได้รับสิทธิประโยชน์อีกมากมายในการเป็นครอบครัว ฉลาดซื้อ อาทิส่วนลดต่างๆ ได้  พร้อมกับเชื่อมั่นว่าสมาชิกครอบครัวฉลาดซื้อที่ตั้งเป้าหมายไว้จาก 1,000 ครอบครัวจากวันนี้จะเกิดขึ้นอีกเป็นแสนครอบครัวแน่นอน” นางสาวสารีกล่าว

สำหรับครอบครัวไหนอยากสมัครเป็นสมาชิกครอบ ครัวฉลาดซื้อ สามารถสมัครสมาชิกครอบครัวฉลาดซื้อ ในวันคุ้มครองผู้บริโภคประจำปีนี้  14-15 มีนาคม 54 ณ  โรงแรมมิราเคิลแกรนด์  ถ.วิภาวดีรังสิต  และงานสัปดาห์หนังสือ 25 มีนาคม - 6 เมษายน 2554 นี้ และอีกหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.ฉลาดซื้อ.com หรือ  0-2248-3737