จุดกำเนิด ระบบประกันสังคม เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศเยอรมนี ภายใต้การปกครองของ Chancellor Bismarck ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1883-1889 โดยเริ่มจากการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (Mutual Fund) เพื่อนำไปดำเนินการประกันกรณีเจ็บป่วยในปี 1883 หลังจากนั้นต่อมาอีก 1 ปี การประกันกรณีเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานซึ่งดำเนินการโดยสมาคมนายจ้างก็ได้ ถือกำเนิดขึ้นสำหรับการประกันกรณีทุพพลภาพและการประกันกรณีชราภาพ ซึ่งบริหารจัดการโดยส่วนภูมิภาคเป็นลำดับในปี 1889
ทั้งนี้ ลักษณะของการมีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าวจะมาจาก 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล มีการบริหารเงินโดยใช้วิธีการจัดเก็บเงินสมทบ และเป็นระบบบังคับสำหรับผู้ที่มีรายได้ ซึ่งจะการันตีประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ที่อยู่ในโครงการ หลังจากนั้นประเทศในแถบยุโรป ลาตินอเมริกา สหรัฐอเมริกา ได้นำรูปแบบของเยอรมนีไปใช้ และได้แพร่หลายต่อไปยังทวีปแอฟริกา เอเชีย และกลุ่มประเทศในแถบคาริเบียน
การประกันสังคม (Social Insurance) เป็น การให้หลักประกันทางสังคมในระยะยาวอีกระบบหนึ่งที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้ประชาชนผู้มีรายได้แต่ละคนได้มีส่วนช่วยตนเอง หรือครอบครัว หรือช่วยเหลือบำบัดทุกข์ยาก เดือดร้อนซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้มีรายได้ในสังคม ด้วยการออกเงินสมทบ เข้ากองทุนประกันสังคม โดยมีนายจ้าง ลูกจ้างและในบางประเทศมีรัฐบาลร่วมออกเงินสมทบเข้ากองทุนนี้ด้วย กองทุนนี้จะจ่ายประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ส่งเงินสมทบ กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน ชราภาพ เป็นต้น ทั้งนี้รัฐเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
การ ประกันสังคมจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ยึดหลักการพึ่งตนเองและช่วยเหลือซึ่งกัน และกันของประชาชน โดยมีความมุ่งหมายที่จะเป็นหลักประกันและคุ้มครองความเป็นอยู่ของประชาชน ให้มีความมั่นคงในการดำเนินชีวิต แม้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องขาดแคลนรายได้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมี ศักดิ์ศรี
ความเป็นมาของการประกันสังคมในประเทศไทย
แนวคิดการประกันสังคมในประเทศไทยได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2495 ในรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการตราเป็นพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2497 และได้มีการจัดตั้ง "กรมประกันสังคม" สังกัดกระทรวงการคลัง แต่มิได้นำมาดำเนินการในทางปฏิบัติ เพราะไม่มีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ
ภายหลังจากเกิดรัฐประหารล้มรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม รัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นได้มี คำสั่ง ให้ ยุบกรมประกันสังคมที่จัดตั้งขึ้นดังกล่าว และจัดตั้งกองความมั่นคงทางสังคม โดยให้โอนไปสังกัดกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่พิจารณา ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2497 และเตรียมงานให้พร้อมที่จะดำเนินงานประกันสังคม ในปลายปี พ.ศ. 2510 กรมประชาสงเคราะห์ได้เสนอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องการประกันสังคมขึ้นเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคมบางมาตรา
ในระหว่างนั้นได้เกิดการปฏิวัติขึ้น และในที่สุดคณะปฏิวัติได้ออกประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2515 กำหนด ให้มีกองทุนเงินทดแทนเพื่อจ่ายเงินทดแทนแก่ลูกจ้างในกรณีที่ประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วย เนื่องจากการทำงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเภทหนึ่งของระบบการประกันสังคม และได้มีการจัดตั้งสำนักงานกองทุนเงินทดแทนขึ้นเป็นองค์กรรับผิดชอบการ บริหารดังกล่าว เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2517 และให้สังกัดอยู่ในกรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และเป็นต้นกำเนินของกองทุนเงินทดแทน
ต่อมา พ.ศ. 2518 รัฐบาล ได้นำเรื่องการประกันสังคมขึ้นมาพิจารณาใหม่อีกครั้งตามข้อเสนอของกรมประชา สงเคราะห์ และได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการประกันสังคม โดยมีอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์เป็นประธาน คณะกรรมการชุดนี้ได้ผลักดันให้รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของระบบประกันสังคม และขยายขอบเขตออกไปในประเภทอื่น นอกเหนือจากการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานด้วย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับรองและยืนยันผ่านร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม ทำให้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมาย เรียกว่า "พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533" โดย กำหนดให้มีกองทุนประกันสังคมเพื่อให้ความคุ้มครองลูกจ้าง กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และตายที่ไม่เนื่องจากการทำงาน รวมทั้งกรณีคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน และได้จัดตั้งสำนักงานประกันสังคมเพื่อรับผิดชอบการดำเนินงานกองทุนเงินทด แทน และกองทุนประกันสังคมเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2533 ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 โดย โอนงานของกรมประชาสงเคราะห์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกันสังคม และงานสำนักงานกองทุนเงินทดแทนของกรมแรงงานมาอยู่ในสำนักงานประกันสังคม ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2536 ได้มีการจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สำนักงานประกันสังคมจึงได้โอนมาอยู่ในสังกัด
หลักการจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคม รัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง ออกเงินสมทบเข้ากองทุน 3 ฝ่าย คือ นายจ้าง ลูกจ้าง ร้อยละ 5 เท่ากัน ในส่วนรัฐนั้นจ่ายสมทบร้อยละ 2.75 โดยคิดจากฐานค่าจ้างขั้นต่ำ 1,650 บาท ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน โดยนายจ้าง / ผู้ประกอบการ มีหน้าที่หักเงินสมทบของลูกจ้าง และนำส่งพร้อมส่วนของนายจ้าง เป็นรายเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
รูปแบบการบริหารการประกันสังคม อาจถือได้ว่าเป็นประเทศเดียว ที่ใช้ระบบการบริหารภายใต้โครงสร้างราชการ คือสำนักงานประกันสังคม แม้ว่าจะมีการตั้งคณะคณะกรรมการบริหารประกันสังคม (บอร์ด) ที่ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง และรัฐ โดยมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน ทำหน้าที่ดูแลกองทุนประกันสังคม และจ่ายประโยชน์ทดแทน 7 กรณี ที่มีสิทธิประโยชน์แตกต่างกัน เช่น กรณีเจ็บป่วยหรือพิการ ก็จะได้รับการบริการได้เร็ว คือสามารถใช้สิทธิรับบริการได้ กรณีตายอาจยาก เพราะคนตายช้า กรณีชราภาพที่จะมีการจ่ายในปี 2557 ซึ่งก็อาจมีปัญหาเรื่องเงินกองทุน เนื่องจากการบริหารของกองทุนไม่สามารถดำเนินการอย่างอื่นได้ เพราะติดระบบราชการ ที่ไม่มีความคล่องตัว รูปแบบการบริหารแม้ว่าจะเป็นผู้แทนลูกจ้าง นายจ้าง ก็ไม่ได้หมายถึงความเป็นตัวแทนของผู้ประกัน เป็นเพียงตัวแทนของผู้ประกันตนที่มีสหภาพแรงงาน และสังกัดสภาองค์การลูกจ้างเท่านั้น ซึ่งมีสภาองค์การลูกจ้างมากถึง 12 แห่ง มีสมาชิกสหภาพแรงงานประมาณ 3 แสนคนเท่านั้น
การบริหารงาน ความไม่โปร่งใส การ บริการที่ผู้ประกันยังไม่สามารถที่จะเข้าถึงการบริการที่ดีพอ เพราะยังมีเงื่อนไขโรคหลายโรคที่ประกันสังคมยังดูแลไม่ทั่วถึง เนื่องจากกองทุนประกันสังคมอยู่ภายใต้ระบบราชการ การออกระเบียบการรับเงิน หรือจ่ายเงิน การลงทุนต่างๆ เมื่อบอร์ดมีมติออกระเบียบใดๆ ต้องรับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการบริหารโดยระบบราชการอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งก็เกิดปัญหาการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ เช่น การอนุมัติซื้อตึกวัฏจักรมูลค่า 2,800 ล้านบาท หรือการที่จะนำงบประมาณกองทุนประกันสังคมไปสร้างศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ คอมพิวเตอร์กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
แนวคิดการปฏิรูปประกันสังคม
นางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย เสนอดังนี้
การบริหารกองทุนประกันสังคม ต้องการให้ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่โดยคณะกรรมการประกันสังคมให้มาจากการเลือกตั้งโดยผู้ประกันตน
สำนักงานประกันสังคมควรมีการแก้ไขกฎระเบียบให้ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตนในทุกโรคโดยไม่ควรมีข้อยกเว้น รักษาพยาบาลดูแลฟรี
ควรมีการขยายประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกภาคส่วนและควรได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกับแรงงานในระบบ
Relate topics
- รณรงค์เลิกใช้โฟม
- รายการสงขลามหาชน ตัวอย่างอาหารของแม่ ตอน " บทบาทของพ่อ " อาหารของแม่ สร้างความอบอุ่นของครอบครัวกับมื้ออร่อยที่แม่บรรจงปรุงเพื่อลูก
- ข่าวดีจะดัง ตอนที่ 265 โรงเรียนสุขภาพดี ของ อบต.ควนรู( http://youtu.be/KsuLA7Fguy8 )
- ข่าวดีจะดัง ตอนที่ 265 โรงเรียนสุขภาพดี ของ อบต.ควนรู(7 เม.ย 5…: http://youtu.be/KsuLA7Fguy8 )
- รายการอาหารของแม่ ตอน " อาหารคือภาคีและพื้นที่ " เปิดอร่อยด้วย ยำบัวบก สูตรสมุนไพรภูมิปัญญาถิ่น อบต.ท่าข้าม ของป้ายุพา ผลชนะ