บทความ

ครีมหน้าเด้ง ได้ผลแค่ไหน?

by twoseadj @December,02 2008 18.22 ( IP : 117...81 ) | Tags : บทความ

คำอธิบายภาพ

สาวมาก สาวน้อย รวมถึงชายหนุ่มน้อยและหนุ่มมากทั้งหลาย กำลังเห่อกับครีมหน้าเด้งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะทำให้ใบหน้าเด้งได้เหมือนเด็กเล็กอย่างมหัศจรรย์ตามคำโฆษณา เพื่อไม่ให้เกิดการตั้งความหวังมากเกินไป จึงอยากให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวดังนี้กับคุณผู้อ่านค่ะ

ผิวหน้าในวัยเด็ก จะเต่งตึงและเด้งได้ อันหมายถึงเมื่อหัวเราะหรือร้องไห้ ริ้วรอยจากอิริยาบถบนใบหน้าจะหายไปทันทีที่หยุดหัวเราะหรือร้องไห้ แม้ว่าจะทำบ่อยแค่ไหนก็ตาม แต่ในวัยที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะเมื่ออายุ 30 ขึ้นไป ความเครียด ความกังวล ความเสียใจ จะไปปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจนโดยเราไม่รู้ตัวทำให้เกิดริ้วรอยบนหน้าผาก หรือหัวเราะมากไปก็เกิดริ้วรอยที่ร่องแก้ม หางตา ใต้ตาได้

ริ้วรอยในวัยผู้ใหญ่จะเลือนหายไปยาก เนื่องจากผิวหน้าไม่เด้งเหมือนเด็กแล้ว เสมือนหนึ่งยางยืดที่หมดคุณภาพ พอยืดไปแล้วไม่อาจคืนตัวได้ฉันใดก็ฉันนั้น

อะไรคือกลไกสำคัญในการควบคุมทำให้หน้าเด้ง ?

ชั้นใต้ผิวหนังของคนเรา มีองค์ประกอบของโปรตีนชนิดที่เป็นมัด เรียกว่า "มัดคอลลาเจน" (Collagen bundle)และ "มัดอีลาสติน" (Elastin bundle)

คอลลาเจนนั้นทำหน้าที่อุ้มน้ำได้มาก ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ส่วนอีลาสติน ทำหน้าที่ควบคุมความยืดหยุ่นของผิวหนัง ทั้งสองคุณสมบัตินี้ทำให้ผิวหน้าเด้งได้ดีมากในวัยเด็ก คุณภาพของโปรตีนทั้งสองชนิดนี้จะเสื่อมไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหน้าในวัยผู้ใหญ่ไม่เด้งเหมือนเก่า ริ้วรอยที่เกิดจากความทุกข์ ความกังวลภายใต้จิตสำนึกจึงไปปรากฏออกบนใบหน้า จะพบว่าปัจจัยภายในของจิตใจมีบทบาทสำคัญมากต่อผิวหน้า

สำหรับปัจจัยภายนอกที่สำคัญ เช่น ต้องดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องเหมาะสม คือการหมั่นรักษา และปกป้องผิวหน้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ภายหลังการอาบน้ำล้างหน้าทุกครั้ง ควรชโลมด้วยครีมบำรุงผิวเพียงเล็กน้อยแต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อทดแทนน้ำมันธรรมชาติจากผิวหนังที่ถูกชะล้างออกไปกับสิ่งสกปรกในระหว่างอาบน้ำล้างหน้า ที่สำคัญหมั่นเทขยะคือความเครียดออกจากใจเราทุกคืนก่อนนอน พักผ่อนให้อิ่ม อาหารให้ครบทุกหมู่ เท่านี้ผิวหน้าก็เด้งได้อยู่นานเกินวัยเสียอีก

สิ่งทดแทนที่นักวิทยาศาสตร์หามาทดแทนธรรมชาติที่เสื่อมไป ?

นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามหาสิ่งทดแทน เพื่อป้องกัน และคืนสภาพความเด้งของผิวหน้ามาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

การนำสารสกัดคอลลาเจนและอีลาสตินที่ใกล้เคียงธรรมชาติของผิวหนังคนเรามากที่สุดคือ เอามาจากรกคนและรกสัตว์ใหญ่ภายหลังการคลอดลูก เพื่อมาทำเป็นคอลลาเจนครีมซึ่งมีราคาแพง จากนั้นก็เป็นกระแสของสารอื่น ๆ เช่น ครีมเอเอชเอ (AHA), ครีมเรตินเอ (Retin-A), และวิตามินครีม

ปัจจุบันกระแสของสมุนไพรนานาชนิดกำลังมาแรง ความน่าเชื่อถือของสารทั้งหลายที่นักวิทยาศาสตร์สรรหามาให้ใช้ไม่ว่าจะเป็นสารสังเคราะห์ หรือสารสกัดสมุนไพร จะอยู่ที่ผลงานวิจัยที่มีศึกษากันมาก ๆ ทั่วโลกและต้องได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย และอาการข้างเคียงที่อาจแถมมาให้

สำหรับสารสกัดสมุนไพรนานาชนิดนั้น จุดเด่นที่ถูกกล่าวอ้างคือ มาจากธรรมชาติ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะอยู่ที่ชนิดของสารสกัดสมุนไพรเองว่ามีฤทธิ์จริงหรือไม่ ขบวนการสกัดทำถูกต้องหรือไม่ และความเข้มข้นของปริมาณสารสำคัญเพียงพอต่อการออกฤทธิ์หรือไม่ ประการสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอีกประการหนึ่งก็คือความคงตัวของสารสกัดสมุนไพรซึ่งโดยธรรมชาติแล้วมักจะไม่คงตัว มักจะสลายตัวได้ง่ายเมื่อสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลง การซึมผ่านเข้าผิวหนังต้องดี ประสิทธิผลจึงจะเกิดได้

สำหรับคำว่า "นาโนเทคโนโลยี" อันหมายถึงเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อทำให้อนุภาคของสารมีขนาดละเอียดมากเป็นนาโนเมตร ทำให้สามารถซึมทะลุผิวหนังได้ดีนั้น ไม่อยากให้ตื้นเต้นกับคำพูดใหม่ ๆ เหล่านี้นัก เพราะความจริงเนื้อครีมทั้งหลายแหล่ที่อยู่ในท้องตลาดต้องใช้นาโนเทคโนโลยีเกือบทั้งหมด เนื่องจากครีมเครื่องสำอางทั่วไปจะประกอบไปด้วยอนุภาคขนาดละเอียดเป็นนาโนเมตรกระจายตัวอยู่ในเนื้อครีมนั่นเอง

สารพัดครีมเป็นเพียงปัจจัยเสริม ย้อนกลับไปปฏิบัติให้ถูกวิธี ดูแลจิตใจให้หายเครียด และดูแลร่างกายด้วยหลักโภชนาการ ชโลมด้วยอาหารเสริมภายนอกคือเครื่องสำอางแต่พองาม หมั่นศึกษาหาข้อมูลทางวิชาการต่าง ๆ เพื่อประกอบกับการพิจารณาสารพัดโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายก่อนซื้อไว้ครอบครองจะได้ไม่เสียใจและเครียดหนักกว่าเก่าภายหลังหากหน้าไม่เด้งตามที่คาดหวังไว้

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง