เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

สธ.ชี้ “ยาทรานซามิน” เป็นยาอันตรายมีผลข้างเคียง ก่อเกิดอัมพฤกษ์-ตาบอด-ไตวาย ใช้เฉพาะทางการแพทย์ในคนไข้ที่เลือดออกมากผิดปกติส่วนในระดับอาเซียน ใช้ในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 3%
จากกรณีที่มีข่าวว่า นักศึกษาสาวประเภทสองนิยมกินยาเร่งผิวขาวสูตรใหม่ หลังจากสูตรยากลูตาไธโอนถูกควบคุมการใช้และมีราคาแพง โดยสูตรใหม่เป็นยาทรานซามิน แอซิท ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ยาทรานซามินเป็นยาอันตรายอาจมีผลข้างเคียงต่อระบบเลือดได้ โดยในทางการแพทย์นั้นมีข้อบ่งใช้ในทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหล ในกรณีที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติในขณะผ่าตัดใหญ่เท่านั้น
ล่าสุด วันนี้ (4 ธ.ค.)นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังจากที่ สธ.ได้มีการควบคุมยากลูตาไทโอน ไม่ให้มีการผสมในเครื่องสำอางนั้นก็พบ กรณีการใช้ยาทรานซามิน หรือ ยา “ทราเนซามิค แอซิด (Tranexamic acid) ผสมในเครื่องสำอางแทน โดยยาดังกล่าวนั้นหากใช้เกินมาตรฐานที่เหมาะสมจะส่งผลข้างเคียงทำให้คลื่น ไส้ อาเจียน เวียนศีรษะภาวะความดันตํ่า เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด หากใช้นานๆ แล้วภาวะเลือดอุดตันในส่วนที่ไปหล่อเลี้ยงตาก็ทำให้ตาบอดหากเกิดขึ้นในส่วน ที่หล่อเลี้ยงสมองก็ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ และหากอุดตันในไตอาจก่อให้เกิดภาวะไตวายได้
“ยาดังกล่าวเป็นยาที่มีการควบ คุมพิเศษ โดยในทางการแพทย์นั้นจะใช้ในผู้ที่มีภาวะเลือดออกมากผิดปกติในโรคบางชนิดและ ใช้ในผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างหรือหลังการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งในการใช้แต่ละครั้งต้องได้รับการสั่งจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น” นายจุรินทร์ กล่าว
ด้าน นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ในระดับภูมิภาคอาเซียนนั้น ระบุไว้ว่า ยาทรานซามิน สามารถใช้ผสมในเครื่องสำอางประเภทที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้แต่ไม่ได้มีผล เร่งผิวขาว โดยกำหนดไว้ว่าไม่ควรเกิน 3% ทั้งนี้ หากเครื่องสำอางยี่ห้อใด มีการผสมยาดังกล่าวเกินกว่าปริมาณที่เหมาะสม จะเข้าข่ายเครื่องสำอางปลอม และตัวผู้ประกอบการก็เข้าข่ายทำผิดหลัก พ.ร.บ.เครื่องสำอาง โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ