เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

ปล่อยคนร้ายใช้บัตรปลอมแอบเปิดบัญชีโอนเงินลูกค้า

ศาลสั่งแบงก์กรุงไทยคืนเงินกว่า 2.3 ล้านบาท ให้ "เสี่ยแตงโม" นักธุรกิจนำเข้าผลไม้รายใหญ่ในตลาดสี่มุมเมืองหลังคนร้ายนำบัตรประชาชนปลอมที่โฉมหน้าเป็นรูปคนร้าย แต่ชื่อ นามสกุล และหมายเลข 13 หลัก เป็นของโจทก์ ยื่นเปิดบัญชีธนาคาร แต่พนักงานแบงก์สะเพร่ากลับปล่อยให้คนร้ายเปิดบัญชีใหม่พร้อมทำบัตรเอทีเอ็ม แล้วโอนเงินผ่านระบบออนไลน์จากบัญชีเดิมของโจทก์ไปเข้าบัญชีใหม่ ก่อนเบิกและใช้บัตรกดเงินสูญไปร่วม 3 ล้านบาท

กรณีนายมนต์ชัย อัศวพรชัย หรือเสี่ยแตงโม อายุ 41 ปี นักธุรกิจนำเข้าผลไม้และพืชผลทางเกษตร เจ้าของร้านสมใจ ในตลาดสี่มุมเมือง เข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่า ได้ถูกทางธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดสี่มุมเมือง และธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ปฏิเสธการคืนเงินที่ถูกคนร้ายคือนายนเรศฤทธิ์ สู่แสงธรรม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/12 หมู่ 4 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ แฮกเกอร์ทางระบบ KTB Online และนำบัตรประชาชนปลอม โดยใช้รูปของคนร้ายแต่ชื่อ นามสกุล และหมายเลข 13 หลักเป็นของนายมนต์ชัย ไปเปิดบัญชีใหม่ พร้อมบัตรเอทีเอ็มแล้วโอนเงินจากบัญชีเดิมของนายมนต์ชัยไปบัญชีใหม่ก่อนเบิกและกดเงินสดไปเกือบ 3 ล้านบาท

ต่อมาธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบของธนาคารพบว่าทางธนาคารมีความบกพร่องเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค ที่เปิดบัญชีให้กับคนร้าย ไม่ได้ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งตามปกติในการเปิดบัญชีใหม่นั้นธนาคารใช้ระบบ KTB Smart Open Account ซึ่งเป็นการเปิดบัญชีอัตโนมัติ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังกรมการปกครอง สามารถป้องกันการใช้บัตรประชาชนปลอมมาเปิดบัญชี ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากในวันที่มีการเปิดบัญชีดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้

ทั้งนี้ ธนาคารได้ชดใช้ค่าเสียหายข้างต้น 4 แสนกว่าบาทให้นายมนต์ชัยแล้ว ส่วนเงินอีก 2 ล้านกว่าบาท ทางธนาคารได้ตรวจสอบแล้วพบว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่การแฮกเกอร์ข้อมูลทางระบบ KTB Online และธนาคารยืนยันว่าระบบ KTB Online ของธนาคารมีความปลอดภัยและมีระบบการป้องกันที่ดี ปัญหาการแฮกเกอร์โดยทั่วไปมักเกิดจากลูกค้าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับผู้อื่น ซึ่งทำให้ผู้ทุจริตล่วงรู้รหัสและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า แต่มิใช่เกิดจากความผิดพลาดของระบบ Online ธนาคารจึงไม่รับผิดชอบ

ต่อมานายมนต์ชัย หรือเสี่ยแตงโม พร้อมด้วยนายภาคภูมิ เนียมศรี ทนายความ ได้ยื่นฟ้องธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี ให้ชดใช้เงิน 2,740,552 บาท ที่หายออกไปจากบัญชี โดยนายมนต์ชัยกล่าวว่า การที่สูญเสียเงินไปจากบัญชีเพราะเจ้าหน้าที่ของธนาคารปล่อยให้คนร้ายนำบัตรประชาชนปลอมมาเปิดบัญชี และโอนเงินจากอีกบัญชีของตนไปเข้าบัญชีใหม่ พร้อมนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินไปร่วม 3 ล้านบาท ซึ่งตนได้พยายามติดต่อทางธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดสี่มุมเมือง และธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ แต่ทางธนาคารปฏิเสธการชดใช้เงินคืน ดังนั้น จึงต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. ศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้อ่านคำพิพากษา คดีดำที่ พ.430/2552 ข้อหาผิดสัญญาเรียกค่าเสียหาย ระหว่างนายมนต์ชัย อัศวพรชัย หรือเสี่ยแตงโม เป็นโจทก์ กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ฝ่ายจำเลย โดยศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,331,904.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2552 และให้จำเลยใช้ค่าธรรมเนียมแทนโจทก์และค่าทนายความจำนวน 15,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

หลังฟังคำพิพากษา นายมนต์ชัย หรือเสี่ยแตงโม เปิดเผยว่า ยอมรับคำตัดสินของศาลและดีใจที่ศาลมีคำสั่งให้ธนาคารกรุงไทยคืนเงินให้ตนเพื่อจะได้หายข้อสงสัยที่มีกระแสข่าวว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องในการที่เงินของตัวเองหายไปจากบัญชี ซึ่งเงินที่ถูกแฮกเกอร์ไปนั้นจำนวนทั้งหมดร่วม 3 ล้านบาท หลังจากนี้จะหารือกับฝ่ายกฎหมายอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพราะคดีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ธนาคารควรรัดกุมเกี่ยวกับการดูแลทรัพย์สินของลูกค้าให้เข้มงวดมากกว่านี้ และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีก ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีตัวแทนมาร่วมฟังการตัดสินแต่อย่างใด

ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์  28 ธันวาคม 2553