ข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์

สมัชชาสุขภาพดัน พ.ร.บ.อาหารสำหรับทารกฯ เข้มโฆษณานมผง

by twoseadj @December,16 2010 11.57 ( IP : 202...14 ) | Tags : ข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์
photo  , 300x299 pixel , 8,499 bytes.

วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่งานประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค.2553 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ
พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการชมรมส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงประเด็นของการประชุมครั้งนี้จะมีการผลักดันให้สังคมไทยเกิดมีกลยุทธ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เนื่องจากปัจจุบันพบว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วย “นมแม่” ในประเทศไทยลดลงเหลือเพียงร้อยละ 5.4 เนื่องจากมีการโฆษณาและแจกตัวอย่างนมผงในโรงพยาบาลจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งพบว่าตั้งแต่ปี 2550 มีการนำเข้านมผงมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกันยังเป็นปัจจัยคุกคามสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการควบคุมกลยุทธ์การตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยได้นำหลักเกณฑ์นานาชาติว่าด้วยการตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่ และมติของสมัชชาสาธารณสุขโลกมาใช้แล้ว แต่ก็เป็นเพียงหลักเกณฑ์เบื้องต้น ไม่ใช่กฎหมายที่บังคบโดยตรง จึงทำให้หลายประเทศยังมีการฝ่าฝืนอยู่ ทางที่ประชุมจึงจะมีการผลักดันให้เกิดร่าง พ.ร.บ.อาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กต่อไป


“หลักเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกนำมาใช้นั้นจะต้องดำเนินควบคู่ไปกับกฎหมายของแต่ละประเทศที่ได้กำหนดขึ้นมาด้วยจึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้มีกว่า 30 ประเทศที่ใช้และเกิดประสิทธิผลสูงสุด เช่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย เป็นต้น แต่ประเทศไทยนั้นมีเพียงการควบคุมโดยการใช้เป็นกฎกระทรงเท่านั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการเข้าไปแทรกซึมในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์นมผงสำเร็จรูปได้” พญ.ยุพยงกล่าว
พญ.ยุพยง กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ คาดหวังว่าการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2555 เพื่อควบคุมการส่งเสริมการขายในผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กแรกเกิด เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีการโฆษณาที่ชี้นำการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดอย่างไม่ถูกต้อง โดยกฎหมายฉบับนี้จะห้ามทำการโฆษณาและส่งเสริมการขายใดๆ ในผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กทารกถึงอายุ 2 ปี เพราะการโฆษณาจะทำให้มารดาเข้าใจว่าสามารถใช้นมผงเลี้ยงบุตรแทนนมมารดาได้ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการและภูมิต้านทางของบุตรด้วย ดังนั้นจึงต้องเดินหน้าผลักดันกฎหมายดังกล่าวให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งจาก สธ. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการกำกับดูแลและติดตามเพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อติดตามการดำเนินงาน และทำรายงานสรุปผลแก่ สธ. รวมทั้งที่ประชุมสมัชชาสุขภาพโลกทุกๆ 2 ปี
ด้าน พญ.นิพรรณพร วรมงคล สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กล่าวว่า รูปแบบการละเมิดหลักเกณฑ์นานาชาติฯ นั้นพบว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการจะใช้กลยุทธ์ทางการตลอดด้วยการแจกของขวัญ หรือของที่ระลึกเพื่อโน้มน้าวใจผู้บริโภคซึ่งเป็นกลุ่มคุณแม่มือใหม่ในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ โดยวิธีการหลายๆ อย่าง เช่น การแจกตัวอย่างอาหารทารกและเด็กเล็ก การแจกของขวัญ เช่น กระเป๋า ผ้ากันน้ำลาย ที่ติดแบรนด์ของแต่ละบริษัท เพื่อสร้างความรู้จักในสินค้าด้วย
“ที่น่ากังวล คือ ผลิตภัณฑ์นมผงสำเร็จรูปนั้นล้วนมาจากการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ อเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยแล้วพบว่าแต่ละครัวเรือนต้องเสียค่าใช้จ่ายซื้อนมผงสำเร็จรูปปีละกว่า 2 หมื่นบาทต่อเด็กหนึ่งคน” พญ.นิพรรณพรกล่าว

Relate topics

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง