เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

ทาง อบต.ร่วมกับโครงการยุทธศาสาตร์การบูรณาการระบบอาหารจังหวัดสงขลา มีนโยบายที่จะได้เด็กนักเรียนได้รับประทานอาหารเช้า เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี พร้อมสำหรับการศึกษาเล่าเรียน และเพื่อโภชนาการที่ถูกต้องสมวัย จึงจัดทำอาหารเช้าเพื่อเด็กนักเรียนได้รับประทานเป็นระยะเวลา 2 เดือน คือเดือน มกราคม ถึง กุมภาพันธ์ 2558 โดยใช้งบประมาณของ สปสช. มาดำเนินกิจกรรมด้งกล่าว

จากงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลควนรู จำนวน 74,800 บาท สำหรับจ้างเหมาประกอบอาหารเช้าให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัด ดังนี้

สัปดาห์ที่ 1 ของเดือน
    1.โจ๊กหมูสับ
    2.ผัดเส้นหมี่ลูกชิ้นหมู
    3.ข้าวต้มกุ้ง
    4.ข้าวสวย แกงจืดตำลึงหมูสับ

    5.ข้าวผัดรวมมิตร

สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน

    1.โจ๊กปลา

    2.ข้าวสวย ไก่ทอด

    3.ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว

    4.ข้าวต้มกุ้งใส่ตับ

    5.ข้าวสวย ผัดผักใส่ไข่

สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน

    1.ข้าวสวย แกงจืดเต้าหู้ ผัก ตับ

    2.ข้าวต้มเลือดหมู

    3.ข้าวสวย ไข่เจียวมะเขือเทศ

    4.ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยใส่ไข่

    5.ข้าวสวย ต้มฟักใส่ไข่

สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน

    1.ข้าวต้มไก่

    2.ข้าวคลุกหมูหวาน

    3.ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผัดซีอิ้วใส่ไข่

    4.ข้าวสวย แกงจืดฟักหมูสับ

    5.ข้าวสวย ไข่พะโล้

เด็กได้รับประทานอาหารมื้อเช้าอย่างต่อเนื่องตามเมนูที่โครงการได้กำหนดไว้ให้

หลังจากเด็กๆ ได้เข้าร่วมโครงการอาหารเช้าอย่างเพื่อน้องอย่างต่อเนื่อง ได้พบว่าเด็กๆ ขาดเรียนน้อยลง มีสมาธิและความพร้อมในการเรียนมากขึ้น ตลอดจนสามารถร่วมกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียนได้

-

วิทยากรจากทีมงานจากกลุ่ม ระบัดใบ "สร้างเด็กเล็กรักการอ่าน" โดย คุณสุพจน์ องค์วรรณดี ผู้ประสานงานกลุ่มระบัดใบ จ.ระนอง ได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมการอ่านของเด็ก โดยรูปแบบของกิจกรรมจะเน้นให้มีหนังสือภาพดีๆ ที่สามารถเข้าถึงมือเด็กได้ง่ายที่สุด การทำสื่อแบบง่ายๆ ในการดึงดูดความสนใจให้เด็กได้ศึกษาและเรียนรู้

1.จัดให้ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั้ง 3 ศูนย์ ครูสอนเด็กเล็กทั้ง 3 โรงเรียน และ อสม.ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรม เป็นเวลา 2 วัน กับทีมงาน ระบัดใบ โดยเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาสมองของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนถึง 6 ปี ว่าพัฒนาการของเด็กแต่ละวัยเป็นอย่างไร

2.ประกอบสื่อการเรียนการสอนด้วยตัวเองแบบวิธีง่ายๆ และประหยัด

ครู และผู้เข้าร่วมอมรม เข้าใจถึงพัฒนาการของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนถึง 6 ปี ว่าพัฒนาการของเด็กควรเป็นอย่างไร และต้องการอะไร

ครูสามารถนำความรู้ที่ได้ ไปปรับเทคนิคในการผลิตสื่อให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี

-

ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิกเรื่องการปลูกผักสวนครัว เช่น ผักกับเศรษฐกิจ วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปลูกผัก การเลือกชนิดผักให้เหมาะสม  เทคนิคและวิธีการปลูก 

สมาชิกผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวม 6 หมู่บ้าน จำนวน  77 คน  มีความสนใจที่จะปลูกผักสวนครัวเพื่อบริโภคเอง เหลือก็สามารถเก็บไปขายสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน ซึ่งได้แบ่งเป็น 6 กลุ่ม จะมีหัวหน้ากลุ่มค่อยติดตามให้ความช่วยเหลือ

สมาชิกให้ความสนใจและรอดำเนินการ ซึ่งขณะนี้อาจจะติดขัดในเรื่องการปลูกเพราะเป็นหน้าแล้ง ไม่สะดวกเรื่องน้ำในการเพาะปลูก

1.สมาชิกร่วมกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในการปลูกผักเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

2.สมาชิกได้บริโภคผักที่ปลูกเองซึ่งปราศจากสารพิษ 100% เพราะทุกครัวเรือนได้ใช้ปุ๋ยชีวภาพในการปลูก

-

ศูนย์เรียนรู้ธนาคารข้าวชุมชนบ้านหนองเสาธง ซึ่งหน่วยงาน อบต.ร่วมกับชุมชนมีนโยบายที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนาปรับปรุงเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สจรส.มอ. (สสส.) เพื่อการจัดการเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งนับได้ว่ามีการเปิดตัวและได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคราชการ และเอกชนด้วยดีในระดับหนึ่ง  องค์การบริหารส่วนตำบลควนรู ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมทางด้านการเกษตรอินทรีย์ โดยใช้พื้นที่ศูนย์ให้เกิดการเรียนรู้สำหรับประชาชน ภายใต้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

จัดกิจกรรมความร่วมมือของเครือข่ายภาคี  โดยเรียนเชิญผู้นำ 3 ท่าน มาเปิดศูนย์เรียนรู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ซึ่งมีท่านรองผู้ว่าฯ  ท่านนายก อบจ. และนายอำเภอรัตภูมิ รวมทั้งสื่อต่างๆ เข้ามาร่วมกิจกรรมในวันนั้น

ภาคีเครือข่าย  แกนนำชุมชน  เยาวชน  สื่อ ได้เข้ามาสังเกตการณ์ และสัมภาษณ์ความเป็นมาในการเกิดกิจกรรมนี้  โดยนายถั่น  จุลนวล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลควนรู ได้ให้สัมภาษณ์ ซึ่งท่านมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะผลิตข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่รู้จักในตำบล

• เกิดการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูล

  -  ชุมชนร่วมมือกัน / การเป็นหุ้นส่วน -  เกิดความร่วมมือหลายหน่วยงาน -  เชิดชูเกษตรอินทรีย์ วิถีพุทธ -  สร้างเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่

-

อสมท.ร่วมกับ สสส. ได้บันทึกข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการ การขยายผลรุปแบบโภชนาการสมวัยในระดับท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบลควนรู ซึ่งเริ่มตั้งแต่เรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยเน้นเรื่องการปลูกข้าว การจัดตั้งธนาคารข้าว การเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่มาจากการทำนาเกษตรอินทรีย์ และกระจายผลิตภัณฑ์ข้าวที่ผลิตเองสู่ตำบล หน่วยงาน โดยเฉพาะเป้าหมายหลักคือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กภายในตำบล เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประทานอาหารที่ปราศจากสารพิษ  มั่นใจในความปลอดภัยในการบริโภค

1. ทีมงานนักข่าวได้ลงสำรวจพื้นที่นาข้าว ธนาคารข้าว การเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนา และสัมภาษณ์ นายถั่น จุลนวล (นายกองค์การบริหารส่วนตำบลควนรู) เกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งผลผลิตที่เด่นที่สุดคือเรื่องการปลูกข้าว การทำนาเกษตรอินทรีย์ การขยายเมล็ดพันธุ์ข้าว และการกระจายผลิตภัณฑ์ข้าวลงสู่ตำบล
2. ทีมงาน อบต.ควนรู นำทีมนักข่าวไปสำรวจและสัมภาษณ์ศุูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านลูกรัก ซึ่งเชื่อมโยงกับธนาคารข้าว เพราะนโยบายของ อบต.ได้จัดให้ ศพด.ทั้ง 3 ศูนย์ บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตำบล และต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษ ทั้งข้าว ผัก และผลไม้ ซึ่งต้องเป็นวัตถุดิบที่มาจากตำบล
3. สัมภาษณ์การจัดอาหารเช้า และอาหารกลางวัน ผลไม้ นม สำหรับเด็กในอยู่ใน ศพด.ร่วมถึงกิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษใน ศพด.
4. ทีมงานนักข่าว กลับไปเก็บข้อมูลรายละเอียดเรื่องข้าว ที่ธนาคารข้าว โดยการสัมภาษณ์นายก ชาวบ้าน เพื่อเจาะลึกถึงรายละเอียดต่อไป

ทีมงานนักข่าว เจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับนักข่าวได้เป็นอย่างดี

ผลการดำเนินงาน ได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีตามความต้องการของทีมนักข่าวที่ตั้งโจทย์สัมภาษณ์ รวมถึงการลงมือปฏิบัติจริง ทุกท่านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการให้ข้อมูล

-

คณะทีมงานผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการทั้งทางด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และโภชนาการสมวัย ได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับคณะทีมงานของ สสส. เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มก่อนทำโครงการในปีแรก ผลสรุปจากการดำเนินโครงการในปีแรกต่อยอดมาทำโครงการในปีที่ 2 อย่างไร และขณะนี้โครงการที่ทำอยู่ ได้ดำเนินการไปถึงไหน ณ ปัจจุบัน

คณะทีมงานจากองค์การบริหารส่วนตำบลควนรู นำทีมโดยนายกถั่น จุลนวล ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการและติดตามงานเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งท่านจะอธิบายถึงความเป็นมาและเป็นไปเกี่ยวกับการทำโครงการตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไปในทิศทางที่ดีตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ นางอมิตา ประกอบชัยชนะ ผู้ประสานงานโครงการ และติดตามในเรื่องความปลอดภัย รวมถึงโภชนาการอาหารสมวัย ร่วมกับครู ศพด.อีก 2 ท่าน ที่มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการภาวะโภชนาการสมวัยของเด็กใน ศพด.ทั้ง 3 ศูนย์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นก่อนทำโครงการ และเมื่อทำโครงการในปีแรก ได้พบเจอปัญหาอะไร เพื่อนำปัญหานั้นมาแก้ไขในปีที่ 2 ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้

การถ่ายทอดข้อมูล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เข้าใจในภาระหน้าที่ซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี

ทีมงานทั้งส่วนของทีมพี่เลี้ยง และส่วนของ อบต. พร้อมที่จะปฏิบัติงานไปตามแผนที่วางไว้ให้บรรลุถึงเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม

-

องค์การบริหารส่วนตำบลควนรู ร่วมกับคณะทีมงานตลาดนัด มอ. ได้เดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อศึกษาดูงานเรียนรู และเยี่ยมชมศูนยเศรษฐกิจพอเพียง ฟงบรรยายและการสาธิตการใชชีวิตที่พอเพียง การปลูกผักสวนครัว

ทีมงานความมั่นคงทางด้านอาหาร ต.ควนรู ได้ส่งตัวแทน จำนวน 3 คน ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับเรื่อง ความมั่นคงทางด้านอาหารที่ จ.เชียงราย  เพื่อนำความรู้ที่ได้ มาเป็นแนวทางในการปรับปรุงสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น  และนำมาถ่ายทอดบอกต่อกับชาวบ้านที่มีความสนใจในเรื่องของการปลูกผัก การพึ่งพาตนเองโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ผู้ศึกษาดูงาน ได้รับความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ได้ผลที่ดีกว่าเดิม

ผู้ศึกษาดูงาน สามารถถ่ายทอดสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเพื่อเป็นแนวคิดในการดำเนินกิจกรรมของโครงการให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้

-

ฝ่ายประสานงานนำเสนอแผนงานตามนโยบายของโครงการที่ได้กำหนดไว้  คือในปีที่ 2 จะเน้นเรื่องโภชนาการสมวัย  ตั้งแต่หญิงตั้งครรภ์  เด็กแรกเกิด ไปจนถึงวัยสูงอายุ ว่าจะมีการวางแผนการดำเนินงานต่อไปอย่างไร

คณะกรรมการได้เสนอความคิดเห็นร่วมกัน  ซึ่งหน่วยงานที่มีสวนเกี่ยวข้องกับโครงการ คือ โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล  และ อสม. จึงควรจัดให้หน่วยงานเหล่านี้ได้มีบทบาทในการทำงานต่อไป

คณะกรรมการเสนอความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันตามนโยบายของโครงการ

คณะกรรมการโครงการ พร้อมร่วมทำงานกับหน่วยงาน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

-

ทีมงานลงสำรวจพื้นที่และจับพิกัดครัวเรือนที่ปลูกผักกินเอง  และครัวเรือนที่ปลูกเพื่อจำหน่าย เพื่อนำเป็นข้อมูลพื้นฐานส่งเสริมและสนับสนุนต่อไป

คณะทำงานได้ลงพื้นที่สำรวจครัวเรือนที่ปลูกผักรับประทานเอง และครัวเรือนที่ปลูกผักเพื่อจำหน่าย ซึ่งต้องปราศจากสารเคมี  โดยใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพเป็นหลัก ซึ่งได้จับสัญญาณ GPS สำหรับครัวเรือนที่ปลูก เพื่อนำไปประกอบการทำแผนที่ครัวเรือนปลูกผักปลอดสารพิษในตำบล

ครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัวโดยมากจะอยู่ในพื้นที่ของหมู่ 3 4 5 6 9 เป็นส่วนใหญ่ ส่วนหมู่ที่ 2  มีบ้างแต่ส่วนใหญ่จะทำสวนยางและนิยมปลูกไม้ร่วมยาง ส่วนหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 7 พื้นที่จะเป็นสังคมเมือง จึงมีการปลูกผักค่อนข้างน้อย

โดยภาพรวมแล้ว  คนในพื้นที่จะปลูกผักรับประทานเองเป็นส่วนมาก  มีบางกลุ่มที่ปลูกไว้เพื่อจำหน่าย แต่ก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะส่วนมาก การปลูกผักไว้เพื่อจำหน่าย ก็จะเน้นเรื่องการใช้ปุ๋ยชีวภาพที่ทำกันเอง ไม่มีสารเคมีเจือปน

-

งานวัฒนธรรมภูมิปัญญาชุมชนคนควนรู  เป็นนิทรรศการที่ทุกหมู้บ้านให้ความร่วมมือกันในการจัดนิทรรศการ  ซี่งจะเน้นเรื่องภูมิปัญญาเป็นหลัก  เพื่อถ่ายทอดให้กับเยาวชนรุ่นต่อไปได้ศึกษาวัฒนธรรมที่คนเฒ่าคนแก่ปฏิบัติกันมายาวนาน  ทางโครงการจึงได้นำโอกาสนี้มาเผยแพร่ความรู้วิถีการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ซึ่งจัดเป็นรูปแบบนิทรรศการร่วมในงานด้วย

หน่วยงานทุกแห่งในพื้นที่ตำบลควนรู เช่น รพ.สต. โรงพยาบาลรัตภูมิ อสม. โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แกนนำชุมชน และคนในพื้นที่ ได้เข้าร่วมกิจกรรม ชมนิทรรศการหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาของคนเฒ่าคนแก่ที่คนประดิษฐ์วัสดุ อุปกรณ์ ขึ้นมาเพื่อนำมาผลิตสินค้าต่างๆ  เช่น การสีข้าวด้วยมือ การใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียง เป็นต้น เพื่อสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมเดิมๆ เอาไว้ จึงได้จัดงานนี้ขึ้นมาเป็นประจำทุกปี

ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งชุมชนที่เข้าร่วม มีความพึงพอใจในการจัดนิทรรศการความรู้ในครั้งนี้ ซึ่งดีกว่าทุกปีที่ได้จัดมา 

คนในชุมชนได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราว วัฒนธรรมวิถีชีวิตในอดีต การใช้ชีวิตแบบพอเพียง การจับจ่ายใช้สอยสินค้าของตำบลในราคาถูก

-

ทางโครงการ ได้เชิญเครือข่ายของตำบลควนรูเข้าร่วมจัดนิทรรศการอาหารของแม่  เป็นเวลา 1 วัน

ตำบลควนรู ซึ่งเป็นเครือข่ายของโครงการ  ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการด้วย ในวัน และเวลาดังกล่าว

มีผู้คนให้ความสนใจจากการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านเป็นอย่างดี

เครือข่ายต่างๆ  ได้เข้าร่วมกิจกรรม และประสบผลสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ กระทั่งการจำหน่ายสินค้าในแต่ละเครือข่ายเป็นไปอย่างสนุกสนาน

-

เนี่องจากการดำเนินโครงการยุทธศาสคร์บูรณาการระบบอาหารจังหวัดสงขลา  ได้ดำเนินการมาถึงช่วงสุดท้ายของโครงการ  ซึ่งยังมีงบประมาณเพียงพอจะทำให้คณะทำงานสามารถขับเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องการขยายผลรูปแบบโภชนาการสมวัยในระดับท้องถิ่น ในพื้นที่ตำบลควนรู จึงจัดประชุมปรึกษาหารือกับคณะทำงาน  เพื่อให้งบประมาณที่คงเหลืออยู่ ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับภาวะโภชนาการที่สมวัย ตั้งแต่หญิงตั้งครรภ์  เด็กแรกเกิด เด็กวัยเรียน  วัยทำงาน  ผู้สูงอายุ  รวมถึงผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยติดเตียง และผู้มีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันสูง  โดยการลงเยี่ยมบ้านให้ความรู้  การประชาสัมพันธ์เรื่องการให้ความสำคัญในการบริโภคอาหารมื้อเช้าหน้าเสาธง และในห้องเรียน  รวมถึงการเฝ้าการบริโภคอาหารปลอดภัย  โดยเริ่มจากหน่วยงาน คือ โรงเรียน  ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การตรวจมาตรฐานครัวกลาง และครัวในโรงเรียนทั้ง 3 โรง  โดยใช้มาตรฐานสุขาภิบาลอาหารเป็นแบบประเมิน

คณะทำงาน คือ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลควนรู , โรงเรียน , ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก , โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และคณะทำงานผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือเพิ่มเติมกิจกรรมเกี่ยวกับด้านอาหารและโภชนาการอย่างเร่งด่วน 

กำหนดรูปแบบของกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน  2558  คือ 1.ด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร
-  จัดตั้งกลุ่มปลูกผักเพื่อกระจายลงสู่ครัวเรือน , โรงเรียน , ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก  จำนวน  10  ราย
-  การประสานงานระหว่างแม่ครัว (ครัวกลาง) กับผู้จัดหาข้าวสาร และผักในพื้น 2.ด้านความปลอดภัยทางด้านอาหาร - ตรวจมาตรฐานครัวกลาง ครัวในโรงเรียนทั้ง  3  โรง โดยใช้มาตรฐานสุขาภิบาลอาหารเป็นเครื่องมือตรวจสอบ 3.ด้านโภชนาการสมวัย - รณรงค์เรื่องการฝากครรภ์ - จัดอบรมเด็กที่มีภาวะเสี่ยงโรคอ้วน  ขาดสารอาหาร  เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค  เฝ้าระวังและติดตามผล -  จัดอบรมผู้ปกครองให้ความรู้เรื่องความสำคัญในการบริโภคอาหารมื้อเช้า - เยี่ยมบ้านให้ความรู้ด้านโภชนากรสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง  ผู้ป่วยติดเตียง

คณะทำงานแต่ละฝ่ายในแต่ละหน่วยงาน  ให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมตามแผนที่กำหนดให้เป็นอย่างดี

-

จัดอบรมให้ความรู้แนะนำหญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับความสำคัญของการฝากครรภ์ก่อน  12  สัปดาห์  ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการในหญิงตั้งครรภ์    การให้ข้อมูลการกินยาบำรุงเลือดของแม่ขณะตั้งครรภ์  พร้อมดูแลและติดตามหญิงตั้งครรภ์ที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง

จัดกิจกรรมให้ความรู้พร้อมกันทั้ง 2 รพ.สต.  โดยมีเนื้อหาเดียวกัน ดังนี้

1.ให้ความรู้เรื่อง การเตรียมความพร้อมด้านโภชนาการก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจุบันการเตรียมความพร้อมทางด้านสารอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง จำเป็นต้องมีการเสริมสารอาหารบางชนิดตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันโรคบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เช่น โรคความผิดปกติของระบบประสาท สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ที่เรียกว่า Neural tube defect (NTD) ซึ่งเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ โดยการได้รับสารโฟลิก หรือ โฟเลตให้เพียงพอ (4-5 มิลลิกรัมต่อวัน) จากยา หรือนมที่มีโฟเลตสูง ในช่วง 1-3 เดือนแรกก่อนการตั้งครรภ์ เมื่อตั้งครรภ์แล้ว แพทย์จะให้ทานโฟเลตต่อเนื่อง

2.การเตรียมความพร้อมด้านโภชนาการระหว่างการตั้งครรภ์  เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 แพทย์มักจะเปลี่ยนมาให้ยาอีก 2 อย่าง คือ ธาตุเหล็ก และแคลเซียม โดยโฟลิกอาจจะหยุดไม่ต้องทานต่อก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ของยาธาตุเหล็กมักมีโฟลิกผสมอยู่ด้วยแล้ว

3.อาหารที่ควรระวังและหลีกเลี่ยง  - เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าทานเป็นประจำ อาจส่งผลต่อความพิการของลูกในครรภ์ได้ (Fetal alcoholic syndrome)

• อาหาร ผักผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่สะอาด สุกๆ ดิบๆ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย และการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อโรคในหญิงตั้งครรภ์จะลดต่ำลงกว่าคนปกติ จึงติดเชื้อได้ง่ายกว่าและอาการรุนแรงมากกว่า ถ้าเป็นมากอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกในครรภ์ได้เช่นกัน

หญิงตั้งครรภ์มีความสนใจที่จะศึกษาและเก็บข้อมูลเพื่อนำไปปรับใช้ตามที่ได้อบรมมา

หญิงตั้งครรภ์มีความรู้  ความเข้าใจในการให้ความรู้ และพร้อมจะปฏิบัติตามในทุกๆ เรื่องที่ได้รับความรู้มา

-

ทาง องค์การบริาหารส่วนตำบลควนรู  ร่วมกับนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลสงขลา ได้จัดทำกิจกรรมติดตามภาวะโภชนาการในเด็กที่มีภาวะโภชนาการเกินเกณฑ์ และต่ำกว่าเกณฑ์ทั้ง 2 โรงเรียน  คือ โรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย  และ โรงเรียนบ้านไสท้อน  เพื่อเก็บข้อมูลนำไปศึกษาปัญหา อ้วน  ผอม  ของเด็กในวัยเรียน  และหาแนวทางแก้ไขต่อไป

โรงเรียนที่เข้าร่วมงานวิจัยภาวะโภชนาการเกิน และขาด  รวม 2  โรงเรียน  ได้แก่ โรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย  และโรงเรียนบ้านไสท้อน  ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลเข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็กในวัยเรียน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและป้องกันภาวะโภชนาการอ้วน และผอม ไม้ได้ตามเกณฑ์ ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคต่อไป

นักศึกษาพยาบาลได้รับข้อมูลที่นักเรียนและผู้ปกครองให้ไว้เพื่อนำไปศึกษาวิจัยและหาทางแก้ไขต่อไป

นักเรียนและผู้ปกครอง  ได้รับความรู้เรื่องการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกต้องสมวัย

-

เจ้าหน้าที่ อบต. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่  รพ.สต.ควนรู  รพ.สต.โหล๊ะยาว  และ อสม.ทุกเขตที่รับผิดชอบ  ได้จัดทีมงานลงเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียง  ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนพิการ เพื่อสอบถามเก็บข้อมูล และให้ความรู้เพิ่มเติมในการเฝ้าระวังความเสี่ยงเรื่องการบริโภคอาหารของโรคนั้นๆ ให้ถูกหลักโภชนาการ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  รวม  190  ครัวเรือน

1.ประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงรายละเอียดของงาน

2.จัดเตรียม อสม.เพื่อเป็นพี่เลี้ยงในการดูแลผู้พิการและให้ความรู้ด้านโภชนาการ  ให้ขวัญและกำลังใจ ทั้งทางด้านร่างกาย  จิตใจ  และสังคม

ติดตามเยี่ยมผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน  190 คน  พร้อมให้ความรู้ทางด้านโภชนาการ และบันทึกรายงานการเยี่ยมผู้ป่วย

1.ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  ได้รับการเยี่ยมและส่งเสริมความรู้ทางด้านโภชนาการ

2.ผู้ป่วยติดเตียง  ผู้พิการ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  ได้รับการส่งเสริม ให้ขวัญ กำลังใจ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ  และสังคม

-

เพื่่อให้เด็กได้รับประทานอาหารที่เพียงพอและสมวัยตามความต้องการและได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน  มีคุณค่าทางโภชนาการ  อันจะช่วยให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์  มีภูมิต้านทานโรค  และเมื่อเด็กมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์  ย่อมส่งผลให้มีการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาดีขึ้นด้วย  เด็กจึงสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1.ประชุมวางแผนร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงและวางแผนงานตามข้้นตอน

2.ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารหลัก 5 หมู่  ความสำคัญของการบริโภคอาหารมื้อเช้าซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุด

3.การประเมินด้วยการถาม ตอบ ระหว่างวิทยากร  ผู้ปกครอง  และนักเรียน

นักเรียนโรงเรียนวัดไทรใหญ่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ชั้นอนุบาล 2 และผู้ปกครองจำนวน  60 คน เข้าอบรมพร้อมกันที่โรงเรียนวัดไทรใหญ่ตามเป้าหมายทีวางไว้

ครู และผู้ปกครอง ตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ แต่ละวัน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสมองของเด็ก และสามารถนำความรู้ที่ได้  ไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป

-

จากสภาพปัจจุบันและปัญหานักเรียนส่วนใหญ่ในระดับประถมศึกษา  ชอบบริโภคอาหารประเภทที่เป็นอาหารขยะ และไม่ชอบกินผัก  จึงทำให้นักเรียนมีภาวะโรคอ้วนซึ่งทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ  นอกจากนี้นักเรียนทีมีน้ำหนักส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ จะทำให้ผอม ตัวเล็ก ก็ยังเป็นปัญหาเนื่องจากนักเรียนบริโภคอาหารที่ขาดคุณภาพ และไม่ถูกหลักโภชนาการ  จากการสำรวจนักเรียนชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนวัดไทรใหญ่  จำนวน  115  คน  มีประมาณ 10%  ของนักเรียนทั้งหมดที่มีน้ำหนักส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์  ทำให้ผอม ตัวเล็ก สุขภาพไม่แข็งแรงและส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ต่อการเรียน  โรงเรียนวัดไทรใหญ่ได้เล็งเห็นซึ่งปัญหาสำคัญต่อนักเรียน จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาต่อไป

1.ประชุมคณะครูและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด  เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์และดำเนินกิจกรรม

2.คัดกรองเด็กนักเรียนทุพโภชนาการจากแบบบันทึกการชั้งน้ำหนัก

3.วิทยากรให้ความรู้เรื่องโภชนาการ  การเลือกซื้ออาหารในท้องตลาดที่มีประโยชน์

4.ครูให้ความรู้สอดแทรกบูรณาการเรื่องอาหารในวิชาเรียน

5.ชั้งน้ำหนัก วัดส่วนสูงให้กับกลุ่มเป้าหมายหลังเข้าร่วมโครงการ

1.นักเรียน  ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องโภชนาการ 90%

2.นักเรียนรู้จักเลือกซื้ออาหารเพื่อบริโภคให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต มีน้ำหนักส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน

1.นักเรียนและผู้ปกครอง มีความรู้เรื่องโภชนาการ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

2.นักเรียนมีสุขภาพดี  ส่งผลให้มีการพัฒนาด้านการเรียนรู้มากขึ้น  ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น

-

โรคอ้วนในเด็กกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่สูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง  จากการสำรวจในเด็กโรงเรียนวัดไทรใหญ่  พบปัญหาโรคอ้วนถึงร้อยละ  20  ทั้งนี้เนื่องจากการบริโภคอาหารในเขตชุมชนที่ได้รับอิทธิพลจากสื่อโฆษณาต่างๆ  เด็กขาดวินัยในการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา  และขาดการออกกำลังกาย  โรงเรียนวัดไทรใหญ่ เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงจัดทำโครงการเด็กบ้านไทรใหญ่ ดูดีมีพลานามัย ขึ้น  เพื่อทำให้เด็กทุกคนดูดี  มีพลานามัย  โดยบูรณาการทั้งที่ตัวเด็ก  ครอบครัว  โรงเรียนและสิ่งแวดล่อมไปพร้อมๆ กัน  อาศัยหลักชุมชนมีส่วนร่วม  การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน  ซึ่งทำให้เกิดความยั่งยืนในการแก้ปัญหาต่อไป

1.ประชุมชี้แจงวางแผนการดำเนินงาน

2.เริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้คือ  ชั้งน้ำหนัก  วัดส่วนสูงให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมอบรม

3.ให้ความรู้ด้านโภชนาการสมวัย  การออกกำลังกาย  การเลือกซื้ออาหารที่มีคุณค่า  ปลอดภัย

มีการติดตามการออกกำลังกาย  กิจวัตรประจำวัน  การชั่งน้ำหนักตัวของเด็กทุกเดือน เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง

นักเรียนและผู้ปกครองที่เข้าอบรม  มีความรู้ ทัศนคติและเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปในทางที่ดีขึ้น  โดยการติดตามผลจากการชั้่งน้ำหนัก สังเกตจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารไปในทางที่ดีขึ้น

-

นัดประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมลงพื้นที่ประเมินสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียนทั้ง 4  แห่ง  คือ ครัวกลางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านลูกรัก , โรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย , โรงเรียนวัดไทรใหญ่  และโรงเรียนบ้านไสท้อน โดยการใช้แบบประเมินการสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียนตามมาตรฐานที่กองสุขาภิบาลอาหาร  สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กำหนดไว้เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน  และเพื่อความปลอดภัยในการบริโภคอาหารสำหรับเด็กในโรงเรียน

1.กำหนดวันประเมินสุขาภิบาลอาหารเป็นวันที่  30 กันยายน 2558  เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

2.จุดตรวจแรกคือ  ครัวกลางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านลูกรัก , โรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย , โรงเรียนวัดไทรใหญ่ และโรงเรียนบ้านไสท้อน ตามลำดับ

คณะกรรมการร่วม 8 ท่าน พร้อมลงประเมินในวันดังกล่าว

คณะกรรมการเข้าใจแนวทางการประเมินไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมลงตรวจประเมินตามแบบประเมินการสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียน (โรงอาหาร) ซึ่งเป็นไปตาม  กองสุขาภิบาลอาหาร  สำนักอนามัย กทม.เป็นผู้กำหนด

-

คณะกรรมการประกอบด้วย  จนท. รพ.สต.ควนรู  ,  รพ.สต.โหล๊ะยาว  และ จนท.อบต.ควนรู  ลงพื้นที่ประเมินสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียน (โรงอาหาร) ซึ่งมีโรงเรียนที่จะต้องลงประเมินทั้งสิ้น  จำนวน  4  แห่ง  คือ ครัวกลางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านลูกรัก , โรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย , โรงเรียนวัดไทรใหญ่ และโรงเรียนบ้านไสท้อน โดยใช้แบบประเมินการสุขาภิบาลอาหารตามมาตรฐานของกองสุขาภิบาลอาหาร สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้กำหนดไว้ และหากครัวผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน  ทางคณะกรรมการจะมอบป้ายสุขาภิบาลอาหารปลอดภัยให้ไว้  เพื่อแสดงให้เห็นว่าโรงอาหารนี้ ได้ผ่านการตรวจแล้ว

1.ประชุมคณะกรรมการเพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของงาน

2.ประสานงานกับ ศูนย์เด็กเล็ก (ครัวกลางลูกรัก) และโรงเรียนทั้ง  3  โรง เพื่อนัดวันเข้าประเมิน

3.คณะกรรมการลงพื้นที่ประเมินงานตามหน่วยงานที่กำหนดไว้รวม  4  พื้นที่  คือ ศพด.ลูกรัก , โรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่าย , โรงเรียนวัดไทรใหญ่  ,  โรงเรียนบ้านไสท้อน ซึ่งใช้แบบประเมินสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียน (โรงอาหาร) ตามที่กองสุขาภิบาลอาหาร  สำนักอนามัย กทม.ได้กำหนดไว้

4.มอบป้ายสุขาภิบาลอาหรในโรงเรียนให้กับโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์ตามแบบประเมิน

โรงเรียนทั้ง 4 แห่ง ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และได้ปรับเปลี่ยนการผลิตอาหารให้กับนักเรียนไปตามเกณฑ์แบบประเมิน

ผู้ประกอบอาหารในโรงเรียน ได้ตระหนักถึงความสะอาด ความปลอดภัยในการผลิตอาหารมากยิ่งขึ้น ทำให้นักเรียนได้รับประทานอาหารที่สะอาด  ปลอดภัย

-

แผนที่มีความสำคัญ คือเป็นเครื่องช่วยในการดำเนินงาน ในที่นี้จะใช้แสดงเส้นทางเดินของอาหารในพื้นที่ตำบลควนรู  แสดงจุดผลิต จุดกระจายผลผลิต  ซึ่งนอกจากจะปลูกรับประทานเองแล้ว  ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถกระจายลงสู่จุดต่างๆ ได้  เช่น  ครัวเรือน  ครัวกลางศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก  และโรงเรียน รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ

1.ลงพื้นที่สู้ครัวเรื่อนที่ปลูกผัก เพื่อจับสัญญาณ  GPS

2.นำข้อมูลที่ได้มาจัดทำแผนที่ โดยใช้สัญลักษณ์เพื่อบอกจุดสำคัญของพื้นที่

3.นำข้อมูลที่ไ้ดส่งจัดทำป้ายแผนที่ขนาดใหญ่ จำนวน  4  ป้าย

4.ติดตั้งแผ่นที่ในจุดที่สำคัญ 4 แห่ง

แผนที่สามารถเป็นสื่อในการใช้อธิบายเส้นทางการเดินของอาหารในพื้นที่ตำบลควนรูได้เป็นอย่างดี

มีการติดตั้งแผ่นที่ทั้งหมด  4  จุด คือ
1.องค์การบริหารส่วนตำบลควนรู

2.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กลูกรัก (ครัวรวม)

3.ธนาคารอาหารชุมชน

4.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (โหล๊ะยาว)

-

สภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยในปัจจุบันที่ผันแปรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชากรต้องดำเนินชีวิตอย่างเร่งรีบ เนื่องจากมีการแข่งขันสูง ทำงานแข่งกับเวลา และค่าครองชีพสูง ทำให้เกิดความเครียด ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ความสะดวกสบาย อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พฤติกรรมสุขภาพเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ประชากรไทยวัยแรงงานมีปัญหาด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ทั้งที่เกิดจากการประกอบอาชีพ โรคติดต่อ และโรคไม่ติดต่อ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง) ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม เช่น บริโภคอาหารเกินและไม่ได้สัดส่วน (อาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มจัด ไม่รับประทานผักและผลไม้) สูบบุหรี่ ดื่มสุราไม่ออกกำลังกาย และเครียด เป็นต้น

  องค์การบริหารส่วนตำบลควนรู ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพคนวัยทำงาน จึงจัดกิจกรรม สาธิตอาหารวัยทำงาน  อาหารโซนสี ขึ้นมาเพื่อให้บุคลากรเสริมสร้างสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง โดยการเลือกบริโภคอาหารอย่างถูกหลักและสมวัย

1.ประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรึกษาหารือในรูปแบบการจัดกิจกรรม

2.จัดหาวิทยากรที่มีความรู้ทั้งทางด้านการสาธิตอาหาร และความรู้ทางวิชาการด้านโภชนาการ

3.ประสานงานกับผู้เข้าร่วมอบรม เป้าหมายคือ วัยทำงาน เข้าร่วมอบรม โดยวิทยากรจะให้ความรู้ทางด้านวิชาการก่อน  หลังจากนั้นเป็นการสาธิตอาหาร และตัวอย่างอาหารตามโซนสีในมื้อกลางวัน

1.บุคลากรวัยทำงาน  จำนวน  50  คน  ได้รับความรู้ ความเข้าใจในการบริโภคอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกายสำหรับวัยทำงาน ซึ่งจะส่งผลในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเรื้อรังหากไม่ระมัดระวังการบริโภคอาหารที่ถูกหลักโภชนาการตามวัย

2.ผู้เข้าร่วมอบรม ได้เข้าใจถึงอาหารโซนสีคืออะไร สามารถจำแนกลำดับความสำคัญของอาหารประเภทนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

1.ผู้เข้าร่วมอบรมได้เข้าใจถืงสภาวะความเสี่ยงต่อการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร  เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังที่จะตามมา

2.ผู้เข้าร่วมอบรม เข้าใจถึงลำดับความสำคัญของอาหารโซนสีได้เป็นอย่างดี

-

การบริหารจัดการโครงการ

จัดทำรายงานผลการดำเนินโครงการ เช่น การจัดทำเอกสาร ,การรายงานผลงานผ่านเว้ปไซต์

การบริหารจัดการโครงการ

จัดทำรายงานผลการดำเนินโครงการ เช่น การจัดทำเอกสาร ,การรายงานผลงานผ่านเว้ปไซต์

-