บทความ

กรณีศึกษา แบน ทรานส์แฟท(tran fat)ในโอรีโอ้

by twoseadj @March,12 2009 18.34 ( IP : 222...4 ) | Tags : บทความ
photo  , 429x320 pixel , 10,535 bytes.

Trans fat ในโอรีโอ้

การฟ้องร้อง “Ban trans fat”

เจ้าของโครงการ Ban Trans Fat  ซึ่งเป็นท่านทนายเขาฟ้องร้องคุกกี้ดำ (โอรีโอ้)  ด้วยเหตุที่ว่าผู้ผลิตปิดบังข้อมูลที่เป็นอันตรายไว้  และผู้บริโภคซึ่งเป็นเด็กก็บริโภคกันเข้าไปในปริมาณมาก คดีฟ้องร้องคุกกี้ชนิดนี้  ผู้ฟ้องร้องไม่ต้องการค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงแค่เจ้าของผู้ผลิตคุกกี้ดำ ๆ  คือบริษัท Kraft จะต้องเอา trans fat ออกจากคุกกี้ชนิดนี้ให้หมดสิ้นเท่านั้น  และคดีนี้ก็ "ชนะ" โดยการเปิดฉากการต่อสู้คดี จนทำให้เกิดกฎหมาย ban trans fat กันคึกคักในหลายประเทศขณะนี้  โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหลายที่มี trans fat ผสมหลายประเทศห้ามสั่งเข้ามาขาย ได้แก่ Shortening หรือ Crisco  "เนยขาว"  ที่เอามาทำขนม นม เนยทั้งหลาย

เมื่อคดี "คุกกี้ดำ" ชนะ  กฎหมายก็สั่งการให้มีการระบุ trans fat บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ทันที  และผลิตภัณฑ์บางชนิดถูกห้ามใช้ trans fat โดยเด็ดขาด  เพราะว่า trans fat เป็นส่วนผสมมากมายอยู่ทั้งในขนม นม เนยที่มีมาร์การีนเป็นส่วนประกอบ และของทอดที่ต้องใช้น้ำมันทั้งหลาย

ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศเดียวที่ออกกฎหมายห้ามใช้ trans fat ในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด  แคนาดากำลังเดินหน้าปราบปราม trans fat  ลำดับต่อไปประเทศในยุโรปหลาย ๆ ประเทศกำลังเร่งผลิตกฎหมายออกมาควบคุม

trans fat  คืออะไร

เป็นไขมันจากพืชที่มนุษย์ผลิตขึ้นผ่านกระบวนการแปรรูปอาหาร  ซึ่งขณะนี้งานวิจัยหลายฉบับ สรุปว่า เป็นไขมันชนิดร้ายแรงที่สุด คือ นอกจากจะไม่ให้ประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น ยังไปทำลายไขมันดีที่ร่างกายสะสมไว้ใช้งานอีกด้วย อาหารที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 40 เปอร์เซนต์อุดมไปด้วย trans fat ทั้งสิ้น

ไขมันทรานส์  (trans = แปรสภาพ)  เป็นไขมันที่คนเราทำขึ้นเป็นส่วนใหญ่  ขบวนการสำคัญได้แก่ การเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) ให้กับโมเลกุลของคาร์บอน  การเติมไฮโดรเจนทำให้น้ำมันเหลวแปรสภาพกลายเป็นน้ำมันข้นขึ้น  ขาวขึ้น  และละลายหรือปนกับน้ำได้ง่ายขึ้น  เก็บได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง  ไม่เสียง่าย  และเก็บได้นานขึ้น  ถ้านำน้ำมันมาเติมไฮโดรเจนเข้า  น้ำมันจะแขวนลอยในน้ำได้  เปรียบคล้ายสบู่ที่แขวนลอยอยู่ในน้ำได้  ครีมเทียมหรือคอฟฟี่เมตที่มีจำหน่ายประมาณครึ่งหนึ่งเป็นน้ำตาล  อีกครึ่งหนึ่งเป็นไขมันเติมไฮโดรเจนไปบางส่วน  ทำให้ไขมันบางส่วนแปรไปเป็นไขมันทรานส์

ผลิตภัณฑ์อาหารที่เสี่ยงต่อ Trans fat  มีดังนี้

-  อาหารตามร้านขายอาหาร เราไม่รู้แน่ชัดว่าส่วนผสมเขาใช้อะไรบ้าง  ใช้เนยสด หรือใช้มาร์การีน หรือเนยเทียม  ใช้น้ำมันประเภทอะไร  ว่ากันว่าบรรดาอาหาร + ขนมไดเอททั้งหลายล้วนมี trans fat ผสมทั้งนั้น

-  เค้ก บิสกิต คุกกี้ทุกชนิดที่ในสูตรมีเนยขาว ชอร์ทเทนนิ่งเป็นส่วนผสม  ล้วนอุดมไปด้วย trans fat

-  พวกขนมกรุบกรอบ ของขบเคี้ยวกินเล่นทั้งหลาย  อาทิ พวกมันฝรั่ง  ต้องดูให้ดีว่าเขาใช้น้ำมันอะไรทอด  เพราะนั่นก็ที่มาของ trans fat เช่นกัน  (Frito Lay / Chee-tos / แครกเกอร์ไส้ชีส Ritz / ถั่วทอด ถั่วอบกรอบ  เสี่ยงปริมาณ trans fat ทั้งสิ้น)

-  คอฟฟี่เมท ครีมเทียม วิปครีม  (ต้องเลือกดูตามฉลาก  แต่ละยี่ห้อว่าใช้ส่วนผสมอะไรบ้าง)

-  Crouton / น้ำสลัดสำเร็จรูป
-  dips สำเร็จรูป

-  ผงเกรวี่สำเร็จรูป / ซอสมิกซ์ต่าง ๆ

-  อาหารแช่แข็งแบบสำเร็จรูป
-  ซุปกระป๋อง / ซุปซองสำเร็จรูป / พีนัท บัตเตอร์ / ซีเรียลอาหารเช้า

อาหารที่แยกย่อยเหล่านี้ต่างมีมาร์การีน  น้ำมันเป็นส่วนผสม  หรือใช้ในการปรุง  เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ใช้น้ำมันอะไร  หากไม่ระบุแน่ชัดบนฉลาก  อาจมี trans fat ผสมอยู่ได้ทั้งสิ้นเพราะฉะนั้น ใครที่ไม่เคยกินคุกกี้ดำ  แต่เคยกินวิปครีม ไอศกรีม ครัวซอง พาย ทัพ ชีสเค้ก (ที่ใช้บิสกิต-คุกกี้ในส่วนที่เป็นครัสท์)  ก็อาจกิน trans fat เข้าไปแล้วทั้งสิ้น

ตัวอย่างไขมันทรานส์

ไขมันทรานส์พบมากในครีมเทียม (คอฟฟี่เมต)  เนยเทียม  ขนมปังกรอบ (crackers)  ขนมท้อฟฟี่  ขนมปังปิ้ง  คุกกี้  ขนมสำเร็จรูป  อาหารทอด  สลัดน้ำข้น  ฯลฯ นอกจากนั้นการทำอาหารที่ใช้ความร้อนต่อเนื่องกันนาน ๆ  หรือน้ำมันทอดที่ใช้ซ้ำหลายครั้ง  เช่น กล้วยทอด มันทอด ฯลฯ  มีส่วนทำให้เกิดไขมันทรานส์ได้  การใช้น้ำมันจึงควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง  ส่วนที่เหลือต่อไปนี้  กฎหมายกำลังจะออกมาบังคับให้ทุกสินค้าต้องแจกแจง trans fat เป้ง ๆ  ห้ามปกปิดข้อมูลผู้บริโภคอีกต่อไป

สรุปและวิจารณ์

เจ้าของโครงการ Ban Trans Fat  ซึ่งเป็นท่านทนายเข้าฟ้องร้องคุกกี้ดำ (โอรีโอ้)  ด้วยเหตุที่ว่าผู้ผลิตปิดบังข้อมูลที่เป็นอันตรายไว้  และผู้บริโภคซึ่งเป็นเด็กก็บริโภคกันเข้าไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้  คดีฟ้องร้องคุกกี้ชนิดนี้  ผู้ฟ้องร้องไม่ต้องการค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงแค่เจ้าของผู้ผลิตคุกกี้ดำ ๆ  คือบริษัท Kraft จะต้องเอา trans fat ออกจากคุกกี้ชนิดนี้ให้หมดสิ้นเท่านั้น  และคดีนี้ก็ "ชนะ" โดยการเปิดฉากการต่อสู้คดี จนทำให้เกิดกฎหมาย ban trans fat กันคึกคักในหลายประเทศขณะนี้  โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหลายที่มี trans fat ผสมหลายประเทศห้ามสั่งเข้ามาขาย ได้แก่ Shortening หรือ Crisco  "เนยขาว"  ที่เอามาทำขนม นม เนยทั้งหลาย เมื่อคดี "คุกกี้ดำ" ชนะ  กฎหมายก็สั่งการให้มีการระบุ trans fat บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ทันที  และผลิตภัณฑ์บางชนิดถูกห้ามใช้ trans fat โดยเด็ดขาด  เพราะว่า trans fat เป็นส่วนผสมมากมายอยู่ทั้งในขนม นม เนยที่มีมาร์การีนเป็นส่วนประกอบ และของทอดที่ต้องใช้น้ำมัน โดยขณะนี้ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศเดียวที่ออกกฎหมายห้ามใช้ trans fat ในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด  ประเทศแคนาดากำลังเดินหน้าปราบปราม trans fat อยู่ในขณะนี้ และประเทศในยุโรปอีกหลาย ๆ ประเทศกำลังเร่งผลิตกฎหมายออกมาควบคุม

ปัญหา

ผู้ผลิตสินค้าที่มีชื่อว่า คุ้กกี้ดำ (โอรีโอ้) ปิดบังข้อมูลที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค  โดยผู้บริโภคซึ่งเป็นเด็กก็บริโภคสินค้าชนิดนี้เข้าไปในปริมาณมาก

วิธีการแก้ปัญหา

1.ผู้ผลิตควรมีการระบุ trans fat บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารทุกชนิดที่มีไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ

2.ผู้ผลิตไม่ควรใช้ trans fat หรือใช้ได้ แต่ใช้ในปริมาณที่น้อยลง เป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้า

3.ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีพวก trans fat เป็นส่วนประกอบ

แสดงความคิดเห็น

กรุณาป้อน Username / Password ที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้กับเว็บไซท์แห่งนี้ หรือ สมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซท์
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง