เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคภาคใต้

คุณแม่ไม่สบายเข้าออกโรงพยาบาลหาดใหญ่เพื่อรักษาเกือบจะทุกเดือนจนล่าสุดหมอชี้แจ้งว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งๆที่ญาติเคยสงสัยมาตั้งนานแล้ว ทำไมหมอไม่เคยสงสัย หรือมีการตรวจเพิ่มเติม ทั้งที่เอกซเรย์เป็นสิบๆรอบต่อการรักษาหนึ่งครั้ง
หมอก็ได้แต่พูดว่าให้พูดถึงปัจจุบันไม่ต้องพูดถึงอดีตที่ผ่านมา แสดงว่าส่วนหนึ่งก็ยอมรับผิด ทางเราเองก็ไม่อยากจะทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายขอแค่ให้ทางโรงพยาบาลหาดใหญ่ส่งตัวไปมอ.หาดใหญ่ วันอังคารที่ 6 หมอและผู้ช่วยหมอทั้ง4 ท่าน ทุกคนพยักหน้าและรับปาก ครอบครัวดิฉันทุกคนได้ยินเหมือนกันหมด และขอให้คนไข้ได้พักรักษาตัวแล้วส่งตัวไปให้ แต่วันนี้วันที่ 5 กลับให้พยาบาลมาบอกว่า กลับบ้านได้ คำพูดก่อนหน้าที่ว่าจะส่งตัวให้ จะดูแลคนไข้ให้ หายไปไหนอีกแล้ว (ทั้งที่ก่อนหน้านี้หมอ ชอบพูดว่าจะส่งตัวแม่ไปโรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่อเอกซเรย์ นู่นนี่ จนวุ่นวายเพราะต้องเตรียมเงิน ไม่แน่ใจจะมีนอกหรือในยังไง ทางดิฉันขอแค่ให้คุณแม่อยู่ได้นานที่สุด ยอมทำทุกอย่างที่หมอแนะนำ) แต่ในที่สุดก็ได้เอกซเรย์โรงพยาบาลหาดใหญ่แบบงงๆ พอดิฉันกลับมาทำงานก็ไม่มีใครที่จะคุยกับพยาบาลหรือหมอได้เข้าใจ เพราะพูดแต่ภาษาพยาบาลหรือหมอ ชาวบ้านธรรมดาที่ไมได้จบสูงๆ เค้าไม่เข้าใจหรอกค่ะ พยายามเข้าใจว่าคนไข้เยอะ แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา หมอพยาบลพูดไว้ยังไงเราต่างหากที่ต้องคอยเตือนพยาบาลกับหมอ ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ถอดเข็มฉีดยา เราเป็นคนไข้เบิกได้น่ะ ต้องวัดขาที่บวมน่ะ จดสถิติการวัดเอาเอง นี่แค่ส่วนหนึ่งที่อยากให้เห็นภาพ ตอนนี้พยาบาลชี้แจงไว้ว่าได้ทำเรื่องให้กับมอ.หาดใหญ่แล้ว แต่ไม่มีเอกสารใดๆยืนยันได้เลย มีแต่ผลตรวจที่เป็นภาษาอังกฤษ ทางครอบครัวอ่านไม่ออก ดิฉันก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพเมื่อวาน ดังนั้นอยากร้องเรียนและขอความช่วยเหลือต้องการเข้ารับการรักษาอย่างด่วนที่ มอ.หาดใหญ่ ถ้าผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายทั่วตัวยังไม่เป็นเคสที่เร่งด่วนพอที่จะต้องส่งตัว ดิฉันก้คงหมดคำพูดที่จะร้องเรียน

วันนี้โดนมาแล้วห่วยขั้นเทพ การทำงานไม่มีระบบ ไม่มีการติดต่อระหว่างระหว่างหน่วยงาน

ไปติดต่อสิทธิ์บัตรทองมา เจอเจ้าหน้าที่ชื่อ **พวงทอง ขุนทอง **ไม่ทราบว่าโกรธใครมาแต่ชาติไหนถึงได้มาลงกับคนไข้แบบนี้เป็นพนักงานของรัฐกินเงินหลวง น่าจะปรับปรุงคำพูดและน้ำเสียงที่ใช้กับคนไข้บ้างนะคะแต่งตัวก็ไม่ค่อยเหมาะสมกับสถานที่ราชการ หัวหน้างานน่าจะตักเตือนลูกน้องบ้างนะคะ จะได้รู้จักรแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานบ้าง แล้วก็ซวยทุกทีไปติดต่อทีไรจะเจอคนนี้ทุกที คงต้องทำใจ

เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินมักจะอารมณ์เสียใส่ผู้ป่วย ประมาณ3เดือนที่แล้วไปใช้บริการมา แสดงที้งสีหน้าและคำพูด แต่ไม่กี่วันมีคนที่รู้จักเอารูปมาให้ดู นี้หรือเงินที่พวกเราเสียภาษีเจ้าหน้าที่เอาเวลาทำงานไปทำอย่างอื่นแทนจะดูแลผู้ป่วย เห็นแล้วชังแตกต่างเวลาให้บริการ รบกวนแก้ไขด่วน<!--b

เวลาทำงานเอาแต่ถ่ายรูปกัน ไม่เหมาะสมมาก

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ให้ความไว้วางใจที่เข้าไปรักษาและใช้บริการที่ รพ.หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 10 สิงหา 54 เบื้องต้นแม่ของดิฉันมีอาการความดันขึ้นสูงมาก ๆ และมีเบาหวานแทรกซ้อนขึ้น 300 ร้อยกว่า จึงคิดว่าต้องการพาแม่ไปพบตรวจกับหมอ และต้องการที่จะซื้อครอสตรวจสุขภาพเบื้องต้น เพื่อต้องทราบค่าของเลือด ตับ และไตเบื้องต้น ขั้นแรกดิฉันเอาบัตรคิวไปยื่นที่ที่เคาร์เตอร์บัตรผู้ป่วยโดยเอาบัตรทองแนบไปด้วยเพื่อต้องการพบแพทย์เบื้องต้นก่อน ดิฉันไปถึง รพ. เวลา 07.30 น. (ถ้าจำไม่ผิด) แล้วเห็นเจ้าหน้าที่ที่อยู่เคาร์เตอร์ห้องยื่นบัตรคิว รอพักนึงไม่เห็นเจ้าหน้าที่เรียกชื่อคนไข้เลย และก็สังเกตว่าคนไข้ก็เหมือนไม่ค่อยมีใครเข้าไปยื่นเอกสาร (บัตรคิวที่ได้ 110) ดิฉันเลยเขาไปสอบถามว่ายื่นได้เลยหรือเปล่า เค้าบอกตามคิว แต่ตามคิวยังไงสังเกตเห็นก็ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่เรียกชื่อคนไข้เลย หรือไม่เห็นคนไข้ยื่นเอกสารที่เคาร์เลยเลย ดิฉันเลยเข้าไปถามอีกว่าจะให้รออีกนานมัย เพราะรอครึ่ง ชม. แล้ว แล้วก็มีป้าอีกคนมาสะกิดกับดิฉันว่าให้ไปยื่นที่ช่องนู้นดีกว่าเร็วกว่าอีก ดิฉันก็ไปยื่น แล้วก็พาแม่ไปที่ตึกใหม่ คนที่ใช้บริการ 30 บาท คงรู้จักเพราะเป็นตึกสำหรับคนที่มาใช้บริการ 30 บาทและใช้บริการประกันสังคม ดิฉันก็ไปยื่นเอกสารอีกแล้วก็รอเจ้าหน้าเรียกตัว เท่าที่สังเกตรอนานมาก ๆ กว่าจะได้เข้าไปตรวจ ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ถึงไม่เรียกตัวก่อนเพื่อชั่งน้ำหนัก และวัดความดันถามอาการเบื้องต้นก่อน แล้วให้นั่งรอ ทำไมต้องรอแล้วก็รออีกรอเป็น 2 ชั่วโมง กว่าเจ้าหน้าที่เรียกตัว ให้แม่ดิฉันมาชั่งน้ำหนักและวัดความดันถามอาการเบื้องต้น พอเสร็จก็รอหมออีกครึ่งชัวร์ เข้าไปห้องที่ 2 คุณหมอพูดจาดีมากประทับใจ (ดิฉันจำชื่อไม่ได้) แต่จำได้ว่าหน้าตาดี ท้องด้วยคะ) ถ้าเข้าไปคงรู้จักกัน ถามเบื้องต้นคุณหมอบอกว่าความดันขึ้นสูงขนาดนี้คุณป้าต้องมาที่ รพ. อย่างเดียวนะคะเพราะที่คลินิคและอนามัยไม่ไม่ไหวเพราะทั้งเบาหวานและความดันสูงมาก ๆ เดียวอาจทำช็อกหรือเส้นเลือดในสมองแตกได้ ดิฉันเลยคุยกับคุณหมอว่าคือที่มาที่นี่ต้องการอยากทราบรายละเอียดการตรวจหาค่าเบื้องต้นของผลเลือด ตับและไต รวมทั้งมะเร็งสำไส้ คุณหมอคนสวยก็บอกว่าอันนี้ใช้บริการ 30 บาทไม่ได้นะคะ อันนี้คุณต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ดิฉันก็รับทราบ แล้วคุณหมอเลยให้ดิฉันเอาเอกสารของคุณแม่ไปยื่นที่หน้าห้องหลังพบแพทย์เพื่อสอบถามรายละเอียดการตรวจสุขภาพเบื้องต้น และเจ้าหน้าที่ก็มาขึ้นเสียงด่าดิฉันว่า "ทำไมคุณต้องบงการหมอ สั่งให้หมอตรวจหาดูนู้นดูนี่ แล้วที่มาเนี้ยมาตรวจเพื่ออะไรก็รู้อยู่แล้วว่าแม่คุณเป็นความดันและเบาหวาน แล้วจะมาตรวจหาอะไรคุณรู้หราว่าเป็นอะไร" ดิฉันก้งงนิดนึงว่าทำไมต้องจาแบบนี้ ดิฉันสวนกลับไปว่า "ก็ไม่รู้ไง แต่ต้องการตรวจเพื่อความแน่ใจ (ดิฉันยังไม่ทันได้พูดรายละเอียดเลยเรื่องตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้นที่ต้องซื้อครอส) ก็ไม่รู้หรอกว่านอกเหนือจากเป็นความดันและเบาหวานแล้วมีโรคอะไรอีกหรือเปล่า" แล้วเจ้าหน้าที่ตอบใส่อารมณ์มาว่า "แล้วจะตรวจเพื่ออะไร ตรวจไปทำไมตรวจมั่วอย่างเนี้ย คุณต้องหมออนุมัติก่อนนะถึงจะตรวจหาอะไรได้ " ดิฉันเลยย้อนถามไปว่า " แล้วเมื่อไหร่จะตรวจให้ละ ต้องรอให้ความดันลด หรือเบาหวานลดก่อนหราจะถึงจะตรวจให้" ถ้าไม่รู้ก็ต้องรอให้หมออนุมัติก่อนนะ แล้วเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เข้าไปห้องที่ 3 ที่อยู่ติดกับห้องหมอคนสวย ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้าไปพูดอะไรเรื่องกรณีของดิฉัน แล้วก็เดินออกมา(จำไม่ได้ว่าพนักงานคนนี้ชื่ออะไรใส่แว่น) แล้วสักพักดิฉันก็พาแม่เข้าห้องหมอที่เจ้าหน้าที่เข้าไปเมื้อกี้ ช่วงยืนรอหมอเข้าหมอ ดิฉันดูเอกสารว่าคุณหมอห้องแรกเขียนรายละเอียด แล้วคุณหมอก็เดินเข้าแล้วก็พูดว่า "เอกสารนะจะเอาไว้ดูเองหรือว่าจะเอาให้หมอหรา" ดิฉันก็มองหน้าหมา เฮ้ยมองหน้าหมอ แล้วยื่นเอกสารให้ ทราบมัยคะว่า หมา เฮ้ย หมอสุดา (จำได้ชื่อได้แม่นแก่ ๆ หน่อยแต่งตัวนอกเครื่องแบบแพทย์) พูดขึ้นมาว่า**จะมาตรวจหาอะไร ดูสิทำตัวรู้มากกว่าหมอ ตรวจทำไมในเมื่อแม่เธอก็เป็นความดันและเบาหวานจะมาหาหมอที่ รพ.ทำไม ไปที่คลินิกและอนามัยก็พอแล้วจะมาหาทำไมให้เหนื่อย ** ดิฉันเลยตอบกลับไปแปลกดีนะที่นี่ คือที่มาเนี้ยต้องการตรวจรายละเอียดเบื้องต้นของโรคที่นอกเหนือจากที่เปฺ็นและต้องการซื้อครอสตรวจสุขภาพประจำปี แล้วหมา (หมอ)พูดว่า ตรวจไปทำไมเนี้ยดูสิ ไปบอกหมอห้องแรกให้ตรวจหามะเร็ง แล้วมะเร็งอะไรที่ต้องการตรวจมีเยอะแยะมากมายตรวจไปก็ตายกันพอดีกว่าจะรู้ว่าเป็นอะไร ต้องให้มีอาการก่อนนะถึงจะตรวจได้ " ดฺิฉันคิดในใจว่า "มึงจะรอให้แม่กูตายก่อนอีสัตว์ มึงมึงจะตรวจให้อีควาย" พูดตรวงนะคะไม่ปลื้มเลยพูดจาออกมาแต่ละคำ แล้ว หมา (หมอ) ตัวนั้นก็พูดว่า "ไหน ๆ ก็มาแล้วลูกสาวอุตสาพามาตรวจ ไปตรวจเลือดหน่อยละกันนะ กับไปเอ็กซเรย์ปอด" ดิฉันเลยพูดไปว่า "งั้นไปเป็นไร เดี๋ยวจะไปตรวจที่ รพ.อื่น" หมา (หมอ)เลยพูดว่า ไม่เป็นไรอุตสามาแล้วตรวจ ๆ ไปเลยนะจะได้ไม่เสียเวลาเธอจะได้สบายใจว่าแม่เธอไม่เป็นไร " ดิฉันก็มองหมา หมา (หมอ) ลองทำตามที่มันพูด แล้วพาแม่ไปห้องเอ็กซเรย์ และห้องตรวจเลือด มานั่งรอผลตรวจ เจ้าหน้าบอกนั่งรอสักครู ดิฉันก็พาแม่นั่งรอหน้าห้อง หมา (หมอ) คนเดิมที่ปากหมา พอสักพักใหญ่คิดในใจทำไมบอกให้นั่งรอทำไมไม่เรียกเข้าหาหมอสักทีจะได้กลับ ๆ แล้วพาแม่ไป รพ.เอกชนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย รอสักพักใหญ่ ๆ หมา (หมอ)เดินออกมา แล้วบอกว่าจะไปกินข้าว แล้วเจ้าหน้าที่ก็หันมาถามดิฉันว่า อ้าวทำไมไม่เข้าไปข้างใน ดิฉันก็ถึงกับกับอ้าว ก็เห็นบอกให้นั่งรอก่อนสักครูกูก็นั่งรอไง พอเข้าไปในห้อง หมา (หมอ) แล้วบอกดิฉันว่าเนี้ยเห็นมัยว่าเป็นเบาหวาน ขึ้นสูงมาก ความดันก็ยังสูง มีความไขมันด้วย ดิฉันก็ถามไปว่าแล้วไขมันขึ้นเท่าไหร่คะ หมอไม่ตอบ แม่ดิฉันก้ถามว่าไขมันขึ้นเท่าไหร่ หมอไม่ตอบอีก แล้วพูดว่าจะเอาเพิ่มอีกมัย เอายาแล้วก็ไม่ต้องมาหาหมออีกนะ ไปหาที่คลินิกหรืออนามัยก็ได้นะไม่ต้องมาอีก ดิฉันเลยตอบกลับไปว่าคะจะไม่มาหาอีก ดิฉันอยากทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่ รพ.หาดใหญ่ รวมทั้งหมอ ได้อบรมสั่งสอนกันบ้างหรือเปล่า ให้บริการได้สถุนและต่ำมาก ๆ พูดจา สุนัขไม่รับประทาน ดิฉันเคยใช้บริการที่ รพ.จุฬา หรือ รพ.เอกชนที่ กทม ก็เยอะพูดจาดีมากกกกกก ให้บริการก็ดีมาก โดยเฉพาะ รพ.จุฬาพูดจาได้ดีมาก อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและแก้ไขพฤติกรรมกริยามารยาทของเจ้าหน้าที่และแพทย์ ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบที่จะรักษา ควรที่จะอบรมทั้งโครตเงาเลยนะคะ (โมโหมากคะ) ควรที่จะปรับปรุงอย่างมาก เพราะไปกี่ปีก็เป็นอย่างเดิม ห่วยแตก

ก่อนหน้านี้ หลานชายของดิฉัน ได้เข้าไปผ่าตัดใส้เลื่อน แต่รู้ไหมหมอเค้าทำอย่างไร พอผ่าแล้วแทนที่จะเย็บแผลให้เรียบร้อย แต่กลับเอาผ้าพันแผลยัดเข้าไปในแผล แล้วเอาผ้าพันแผลปิดทับอีกที แล้วให้นอนพักประมาณ 2 คืน    โดยไม่เย็บแผลให้เลย ขอถามหน่อยคุณยังมีจรรยาบรรณความเป็นหมออีกไหม? ขอถามหน่อยคุณหมอศักดา?

ใครมีคำตอบช่วยตอบด้วยนะค่ะ

อยากทราบข้อมูลค่าใช้จ่ายในการตรวจมะเร็งปากมดลูก ของผู้ป่วยนอก ว่ามีราคาเท่าไรของรพ.หาดใหญ่
                                                                              ขอบคุณที่ให้ข้อมูลนะค่ะ

ไปใช้บริการมาเหมือนกันค่ะ  ที่แผนกทันตกรรม  มีหมอนางนึง ชื่อ ปัทมา  มารยาททรามมากค่ะ ไม่สมกับที่ร่ำเรียนมา ทั้งที่เงิรเดือนมันมาจากภาษีเราๆ แต่ดิฉันก็ด่านางไปเยอะค่ะ คิดว่าคงาำรึกได้ย้างนะค่ะ  นางเป็นหมอ Part  time  ค่ะ ไม่ประจำ มาวันหยุดค่ะ  นิสัยเหมือนคนไม่มีการศึกษาค่ะ

10 มิ.ย. 53  ลูกชายไข้ขึ้นกระทันหัน ชัก จึงนำส่ง ER ของรพ. ตอนตีสี่ ใช้สิทธิ์ 30 บาท หมอให้ยาลดไข้และให้ยืนเช็ดตัวลูกจนได้เตียงที่วอร์ดเด็กเป็นห้องรวม เช็ดตัวยังไงไข้ก็ไม่ลง จน 9 โมง หมอเด็ก (ชายรูปร่างสูงสวมแว่น) และอินเทิร์นสามสี่คนมาดูอาการ บอกว่าจะจ่ายยาลดไข้ให้ ลูกดิฉันอ้วกและอ่อนแรงไม่ได้สติ เห็นไม่ได้การจึงปรึกษากับพี่สาวที่เป็นหมอประจำอยู่ที่รพ.อื่น พี่สาวบอกว่าจะรีบมาหาทันที เมื่อมาถึงรพ. เธอขอไปดูชาร์ตคนไข้ของลูก แล้วถามพยาบาลว่าหมอสั่งให้ทำอะไรบ้าง ... พยาบาลบอกว่าสั่งยาลดไข้และคอยสังเกตอาการอย่างเดียว ดิฉันขอห้องพิเศษ พยาบาลพูดใส่หน้าว่า ใช้สิทธิ์ 30 บาทเนี่ย ค่าห้องต้องออกเองนะคะ ตอนนั้นดิฉันรู้ทันทีว่าตัดสินใจพลาดมากที่เข้ามาที่นี่ ตอนแรกที่มาเพราะคิดว่าลูกมีประวัติอยู่ที่นี่ มันจะง่ายต่อการวินิจฉัยรักษา  ... พี่สาวซึ่งเป็นหมอถามกับพยาบาลว่าหมอมีสั่งให้เอ็กซเรย์อะไรบ้างหรือไม่ ถึงตอนนี้พวกอินเทิร์นต่างก็มองพี่สาวของดิฉันด้วยสายตาประหลาดๆ พี่สาวดิฉันไม่ได้ออกตัวว่าเป็นหมอ เธอทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินมาบอกดิฉันว่าให้ทำเรื่องย้ายรพ.  อย่าบอกใครว่าเธอเป็นหมอเพราะไม่อยากขัดแข้งขัดขาใครและดูจะเป็นการเสียมารยาทที่มาแทรกแซง เธอบอกว่าไปรพ.เอกชนที่ไหนก็ได้แล้วแต่ดิฉันสะดวกเลย ดิฉันจึงเดินไปบอกพยาบาลว่าดิฉันขอไม่รับการรักษา ขอออกใบส่งตัว เหล่าอินเทิร์นที่นั่งอยู่ในคอกพยาบาลก็มองแล้วก็พูดกระทบกระแทกว่า 30 บาทจะเอาอะไรหนักหนา ไป รพ.อื่น เค้าก็ดูแลอย่างนี้แหละ แหม...แล้วก็หันมามองดิฉันอย่างดูถูก

ดิฉันพาลูกไปเข้า รพ. อื่น ตอนนั้นลูกอ่อนแรงมากแล้ว เท้าเขียว มือเขียว พอไปถึง ...​คุณหมอรพ.อีกแห่งให้ทำการเอ็กซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจฉี่ ทันที แล้วก็พบว่า ลูกของดิฉันเป็นปอดบวม คุณหมอจึงสั่งยาฉีดให้ลูกและแอดมิทต่อเป็นระยะเวลากว่าสัปดาห์ .... ทั้งหมดนี้ ด้วยสิทธิ 30 บาทและห้องพิเศษที่ดิฉันจ่ายเงินเพิ่มเองค่ะ แต่พยาบาลและหมอที่ รพ. แห่งที่สองที่ไป มีความกระตือรือร้น เข้ามาสอบถามดูอาการของคนไข้ตลอดเวลา ช่างแตกต่างกับรพ.ใหญ่ในเมืองราวฟ้ากับเหวววว

อยากบอกทุกคนที่ทำงานที่ รพ. หาดใหญ่ ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพหรือหน้าที่อะไร ถ้ายังมีทัศนคติที่แคบๆ ว่าคนที่ใช้สิทธิ 30 บาทไม่ควรได้รับสิทธิในการรักษาตามสิทธิที่มนุษย์คนหนึ่งพึงได้รับจากบุคลากรทางการแพทย์ตามสิทธิทางกฎหมายที่เขาได้รับ เริ่มจากคุณเพียงคนเดียวนินทาคนไข้ให้เพื่อนร่วมงานของคุณฟัง เพื่อนของคุณเริ่มคล้อยตาม ในไม่ช้าคนในองค์กรของคุณก็จะเริ่มคิดแบบคุณและเกิดเป็นวัฒนธรรมดูถูกดูแคลนซึ่งภายหลังก็จะบดบังจรรยาบรรณในการทำงานของพวกคุณทั้งหมด ผอ.รพ.คะ ... ปฏิวัติรพ.ของคุณซะใหม่เถอะค่ะ ออกมาฟังเสียงคนข้างนอกบ้างว่ารพ.ของคุณชื่อเสียงกระฉ่อน ผู้คนต่างร้องยี้ ... บางคนต้องไป เพราะไม่มีทางเลือก ดิฉันมีทางเลือกไปที่อื่นได้ก็ถือว่าโชคดี แต่คนที่ไม่มีทางเลือกเขาน่าสงสารนะคะ

ดิฉันพยายามจะไม่เหมานะคะ สำหรับบุคลากรที่ทำงานด้วยความทุ่มเทอยู่แล้วอาจน้อยใจ แต่เคยได้ยินสุภาษิต ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง ไหมคะ ตอนนี้องค์กรของคุณก็เหมือนเข่งที่มีปลาเน่าแหละค่ะ